ทุกคนที่เคยดูหนังเรื่อง first time they killed my father ที่ลงช่อง netflix ไปในปี 2017 คงจะคุ้นเคยกับคำว่าทุ่งสังหาร เขมรแดง และกัมพูชากันใช่มั้ยคะ ผู้เขียนจำได้ว่าครั้งแรกที่ผู้เขียนดูหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนร้องไห้ออกมาเลยค่ะ เพราะไม่อยากเชื่อว่าชีวิตเด็กคนหนึ่งที่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ ต้องมาเจออะไรที่โหดร้าย และเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์จะทำให้กันขนาดนี้ มันโหดร้ายมาก ๆ จนผู้เขียนคิดว่าถ้าผู้เขียนไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนคงจะไม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิตรอดไปแล้วค่ะวันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าเหตุการณ์ในทุ่งสังหารที่เกิดขึ้นนะคะ ว่ามันเลวร้าย หดหู่ และโหดร้ายยังไง ชนิดที่ไม่ควรจะเกิด และไม่น่าเกิดขึ้นอีกบนโลกนี้เลยค่ะ ย้อนกลับไปปลายยุค 60 ประเทศกัมพูชาเข้าสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจที่วุ่นวาย มีการลุกฮือประท้วงของประชาชน และก็นักศึกษา ซึ่งรัฐบาลทหารก็ต้องใช้กำลังปราบปรามประชาชน ทำให้นักเรียน นักศึกษาบางส่วนต้องหนีเข้าป่า ก่อนที่จะมีรัฐประหารตามมา ซึ่งบุคคลที่เป็นผู้นำในขณะนั้น ก็คือ นายพลที่รู้จักกันดีในนาม ผู้พันพลพต คนสมัยนั้นเชื่อว่าเขาคือบุคคลที่จะเข้ามาช่วยเหลือ และสามารถเปลี่ยนแปลงเขมร ให้กลับไปรุ่งเรืองเหมือนยุคในอดีตได้ ซึ่งผู้พันพลพต ได้ไปเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน เกิดเป็นกลุ่มเขมรแดงขึ้นมา ซึ่งทุ่งสังหารไม่ได้มีที่เดียว แต่กระจายไปทั่วกัมพูชากว่า 300 ทุ่งทั่วประเทศเลยและทันทีที่กลุ่มเขมรแดงถูกจัดตั้งขึ้นมา ก็เริ่มต้นปกครองระบบคอมมิวนิสต์ ด้วยความคิดที่ว่า อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะคะ ประมาณว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากประเทศฝรั่ง ขอแค่กินอิ่มนอนหลับก็เพียงพอแล้ว และไม่ควรจะมีครู นักแสดง หมอ นักกฎหมาย หัวหน้าธุุรการ นายธนาคาร เจ้าของห้าง เพราะไม่รู้จะมีไปทำไม เลยจัดการไล่ทุกคนไปทำนา และส่งเสริมให้คนทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ฟังเป็นความคิดที่สวยงาม และทุกอย่างดูเป็นโลกในอุดมคติใช่มั้ยคะ ไม่ต้องแข่งขันกับใคร ไม่ต้องขัดขาคู่แข่งทางสายงานอาชีพ ทุกคนก็ได้รับผลประโยชน์ และส่วนปันผลในแบบที่เท่า ๆ กันแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงค่ะ ลองคิดภาพ ให้คนที่นั่งทำงานอยู่ในตำแหน่งพนักงานบริษัท มาจับเสียมจับจอบทำนากระทันหัน ไปยืนกลางทุ่ง และถ้ายืนเฉย ๆ ก็จะถูกคนในกลุ่มเขมรแดงบังคับให้ใช้แรงงานด้วยการเฆี่ยนตี และถ้าไม่ทำตามก็จะถูกจับไปยิงทิ้ง เป้าหมายของเขมรแดง คือ คน ๆ หนึ่งต้องผลิตพืชผลออกมาให้มากที่สุด มากชนิดที่ว่าชาวนาที่ทำนามาทั้งชีวิตบางคน ยังปลูกไม่ทันเลย พอทำนาเสร็จก็จะได้รับอาหารเป็นข้าวต้มจานหนึ่ง กับปลาแห้ง ๆ ที่กินชามเดียวแล้วต้องกลับไปใช้แรงงานต่อทั้งวัน เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ลำบากมาก แล้วอย่าหวังนะคะ ว่าความเท่าเทียมมันจะเกิดขึ้นจริง เพราะผลผลิตที่ได้มาจะถูกส่งไปเลี้ยงคนจีน เพื่อผูกมิตรทางการค้า หรือพันธมิตรนั่นแหล่ะค่ะแล้วถ้ามีคนไม่เห็นด้วย คนเขมรแดงก็จะบังคับให้เราสารภาพผิด ว่าเรามีความผิดอะไร เอาข้อมูลไปให้ศัตรูของประเทศหรือเปล่า เป็นมิตรกับชาวต่างชาติหรือพวกฝรั่งใช่มั้ย หรือเป็นสปายให้กับสหรัฐอเมริกา อะไรนิดหน่อยที่เกี่ยวโยงกับสหรัฐ ก็จะถูกคุมขัง ตรวจสอบ โรงเรียนหลาย ๆ โรงเรียนถูกออกแบบให้เป็นห้องกักกันสำหรับนักโทษ ในลักษณะที่แตกต่างกัน บางที่ไม่มีโรงเรียนก็เป็นวัดแทนเขาว่ากันว่าในเวลากลางคืน จะมีเพลงชาติของประเทศ ดังออกมาตลอดทั้งคืน แต่ไม่ใช่ดังขึ้นเพื่อให้คนยืนขึ้นเคารพธงชาติอะไรแบบนั้นหรอกนะคะ แต่เป็นไปเพื่อปิดบังเสียงกรีดร้องโหยหวนจากคนที่ถูกฆ่า หรือถูกทรมานอย่างสยดสยอง ก่อนจะสิ้นใจหายไปจากโลกต่างหาก เมื่อเพลงหยุดลง เสียงแห่งความสยองจบลง จะมีรถบรรทุกคันหนึ่งขับเข้ามารับคนที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอ คนแก่ คนพิการ หรือคนที่มีสภาพเป็นผัก จับมัดมือมัดเท้าและปิดตา พาไปสถานที่แห่งหนึ่ง และบังคับให้ทุกคนขุดหลุมขนาดใหญ่พอที่จะฝังคนได้สิบคน แล้วจากนั้นก็จะผลักคนเหล่านั้นให้ตกลงไปในหลุม แล้วเอาดินกลบทับด้วยสภาพสยดสยอง และเขาก็จะใช้ทุกวิธีการ ในการลบคนเหล่านั้นให้หายไป เหมือนกับธานอสดีดนิ้วเลยค่ะกลุ่มเขมรแดงเรียกได้ว่าขึ้นชื่อมาก ๆ ค่ะ ในด้านการสังหารชีวิตคนบริสุทธิ์ไปเศษ 1 ส่วน 4 ของประเทศกัมพูชาทั้งประเทศเลยค่ะ แถมคนในกลุ่มเขมรแดง ยังมีความเชื่อด้วยว่าฆ่าคนบริสุทธิ์ให้ตาย ก็ยังดีกว่าปล่อยศัตรูให้หนีไป โหดเหี้ยมสุด ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ แล้วกลุ่มคนไม่เห็นด้วยที่อยู่ในกลุ่มเขมรแดงจะทำยังไงล่ะ เขาก็แอบหนีออกมาผ่านตะเข็บชายแดนประเทศไทย บ้านใกล้เรือนเคียงนี่แหละค่ะ แต่กว่าจะเดินทางมาถึงไม่ง่ายนะคะ เพราะต้องเสี่ยงชีวิตเดินฝ่าทุ่งระเบิดที่ถูกวางไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นระเบิดดิน ระเบิดน้อยหน่า เหยียบโดนเมื่อไรก็มีสิทธิ์แขนขาด ขาขาด กลายเป็นมาม่ากรอบได้เหตุการณ์ทุ่งสังหารดำเนินมาเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไป 4 ปี ก็ได้สงบลง คนที่หนีมาได้ก็พยายามที่จะกลับไปที่ทุ่งสังหารอีกครั้ง เพื่อตามหาพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนสนิท หรือคนสำคัญของเขา ที่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์เขมรแดง เพื่อที่จะได้นำศพมาทำพิธีทางศาสนา แม้จะไม่รู้ว่าซากที่ขุดออกมานั้น เป็นร่างของใครหรือร่างของใครก็ตามหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้จบลง ทหารหรือคนที่เคยอยู่ในกลุ่มเขมรแดงก็ถูกจับมาลงโทษทางกฏหมาย และได้รับโทษประหาร ไม่ก็ขังคุกตลอดชีวิต ทุกวันนี้ก็ยังมีโครงกระดูกที่ถูกวางเรียง ๆ กันในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงความโหดร้ายที่เคยเกิดขึ้น กับสิ่งที่เพื่อนมนุษย์เคยทำไว้ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ว่าเราไม่ควรจะกลับไปผิดพลาดหรือทำอย่างนั้นอีกขอขอบคุณ เครดิตรูปภาพ หน้าปก ตกแต่งผ่านเว็บ Canva รูปภาพประกอบที่ 1 โดย BedexpStock / 2 โดย Gorkhs / 3 โดย maz-Alph / 4 โดย Clker-Free-Vector-Images