เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2533 ในจังหวัดนนทบุรี กำเนิดชายผู้ที่เกิดมาเพื่อฟุตบอลที่ชื่อว่า ธีราธร บุญมาทัน ชื่อเล่น อุ้ม ย้อนความไปในวัยเด็กเขาเติบโตในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน กระทั่งเขาอายุ 9 ขวบ เขาได้รับข้อเสนอจากผู้เป็นพ่อว่า “ สนใจเข้าโรงเรียนกีฬาไหม " เมื่อรู้ว่าที่นั่นเรียนฟรีเขาจึงตอบตกลงแบบไม่ลังเลด้วยความที่เขาต้องการอยากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของที่บ้าน เขาจึงเดินทางไปกับพ่อเพื่อทำการคัดตัวและเขาสามารถผ่านการคัดเลือกเข้าโรงเรียนกีฬาได้สำเร็จ นี้คือจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มวัย 9 ขวบที่เริ่มสัมผัสกับโลกของฟุตบอลอย่างจริงจังเขาจึงเกิดการเรียนรู้ และขยันฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ วัน พออายุได้ 15 ปีเขามีโอกาสได้ย้ายไปยังโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ภายใต้โครงการนักกีฬาช้างเผือก โรงเรียนแห่งนี้ได้สร้างนักเตะชื่อดังมากมายอย่างที่เรารู้จัก อาทิเช่น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (ตอง), ธีรศิลป์ แดงดา (มุ้ย), สารัช อยู่เย็น (ตัง) และอีกมากมาย ด้วยพรสวรรค์ร่วมกับพรแสวงทำให้เขาติดทีมชาติไทยตั้งแต่ชุดอายุไม่เกิน 12 ปีจนถึงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ณ ปัจจุบัน หลังจากจบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายเขาได้มีโอกาสค้าแข้งกับสโมสรราชประชาเป็นสโมสรแรก ก่อนจะย้ายมายังสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด (ปัจจุบัน) พร้อมร่วมกวาดแชมป์ทุกแชมป์ในประเทศไทยมากมายกับบุรีรัมย์ยูไนเต็ดและลุยบอลถ้วยสโมสรเอเชียจนสามารถสร้างชื่อด้วยเท้าซ้ายที่ร้ายกาจเปิดบอลอย่างแม่นยำและฟรีคิกสุดโหด จนเขาได้รับฉายาว่า “ เท้าซ้ายปีศาจ " ในปี 2559 เขาตัดสินใจร่วมทัพ “ กิเลนผยอง " สโมสร เอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ทั้งแชมป์ไทยลีกและแชมป์ไทยลีกคัพ ได้สำเร็จในปีนั้น กระทั่งในปี 2561 เป็นโอกาสที่สำคัญและความท้ายทายครั้งใหญ่ในชีวิตการค้าแข้งของเจ้าอุ้ม เมื่อสโมสรเจ้าบุญทุ่มอย่างสโมสร วิสเซลโกเบ แห่งเจลีกญี่ปุ่นเสนอยืมตัวเจ้าอุ้มเข้าร่วมทัพเป็นระยะเวลา 1 ปีโดยจะมีโอกาสร่วมงานกับนักเตะดาวดังระดับโลกอย่าง ลูคัส โพดอลสกี้ และอันเดรส อิเนียสต้า ซึ่งเจ้าอุ้มก็ไม่ปล่อยโอกาสให้พลาดหลุดลอยไปจึงตัดสินใจออกไปหาความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องด้วยการออกมาค้าแข้งต่างประเทศครั้งแรกของเจ้าตัว ทำให้ประสบกับปัญหาการปรับตัวมากมายทั้งในเรื่องของสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ไม่คุ้นเคยและภาษาที่ใช้ เขาจึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและต้องนั่งดูเพื่อนเล่นที่ม้านั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่ โดยสถิติของเขาในปีนั้นลงสนามให้กับสโมสร วิสเซลโกเบ ไปทั้งสิ้น 28 นัดและทำแอสซิสต์ในกับทีม 2 แอสซิสต์ ซึ่งเมื่อจบฤดูกาลเขาก็ไม่ได้รับการต่อสัญญาหรือซื้อขาดใด ๆ ทั้งสิ้น กระทั่งในฤดูกาล 2562 สโมสร โยโกฮาม่า เอฟมอรินอส ได้ทำการขายแบ็คซ้ายตัวเก่งทีมชาติญี่ปุ่นในกับสโมสร อุระวะเรดไดมอนด์ส ทางสโมสรจึงต้องการหาแบ็คซ้ายตัวใหม่เข้าร่วมทีมจึงได้ยื่นข้อเสนอนี้มาให้กับเจ้าอุ้ม โดยเป็นสัญญาการยืมตัวเป็นระยะเวลา 1 ปี นี่จึงเป็นโอกาสการกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของเจ้าอุ้มกับเจลีกญี่ปุ่น เขาจึงมีความตั้งใจเป็นอย่างมากในการที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเขามีดีพอและพร้อมที่จะเป็นกำลังหลักสำคัญให้กับสโมสร โยโกฮาม่า เอฟมารินอส แม้ว่าช่วงแรกจะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บรบกวนและยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบของโค้ช อันเก ปอสเตโคกลู กุนซือชาวออสเตรเลียได้ เจ้าตัวจึงยังไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามมากนัก และจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาจากนัดที่สโมสร โยโกฮาม่า เอฟมาริเนส พบกับสโมสร วิสเซลโกเบ ซึ่งนัดนี้เจ้าอุ้มได้รับความไว้วางใจจากโค้ช อันเก ปอสเตโคกลู ในลงเป็น 11 ตัวจริงและยังสามารถทำแอสซิสต์ได้ 1 แอสซิสต์จากเกมส์นัดนี้ทำให้เจ้าตัวสามารถพิชิตใจของโค้ชได้สำเร็จและได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวหลักอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้สโมสร โยโกฮาม่า เอฟมารินอส มีโอกาสในการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนั้นอย่างเต็มตัว กระทั่งวันที่ 7 ธันวาคม 2562 คือเกมส์นัดสุดท้ายของฤดูกาลและยังเป็นเกมส์นัดประวัติศาสตร์ของนักเตะทีมชาติไทยรายนี้ ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างสโมสร โยโกฮาม่า เอฟมารินอส อันดับ 1 ของตารางต้อนรับการมาเยือนของสโมสร เอฟซี โตเกียว อันดับ 2 ของตาราง โดยความสำคัญของเกมส์นัดนี้คือถ้าสโมสร โยโกฮาม่า เอฟมารินอส ชนะหรือเสมอสโมสร เอฟซี โตเกียว จะเป็นแชมป์ลีกทันที ซึ่งนัดนี้เจ้าอุ้มสามารถทำประตูขึ้นนำให้กับสโมสร โยโกฮาม่า เอฟมารินอส และผลจบลงที่สโมสร โยโกฮาม่า เอฟมารินอส ชนะสโมสร เอฟซี โตเกียว ด้วยสกอร์ 3-0 คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในรอบ 15 ปีของสโมสรและยังจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับลูกหนังไทยโดยเป็นนักเตะไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์เจลีกได้สำเร็จ นั่นคือชายที่มีชื่อว่า “ อุ้ม ธีราธร บุญมาทัน ” หลังจากนั้นเจ้าอุ้มก็ได้รับสัญญาซื้อจากสโมสร โยโกฮาม่า เอฟมารินอส เป็นระยะเวลา 2 ปี นี้คือตัวอย่างที่ดีของความพยายาม ต่อสู้ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีต่อนักเตะเยาวชนไทยรุ่นใหม่ที่กำลังจะเติบโตในอนาคต ขอขอบคุณภาพประกอบบทความจาก ดังนี้ : ภาพปก ภาพประกอบที่ 1 ภาพประกอบที่ 2 ภาพประกอบที่ 3 ภาพประกอบที่ 4 ภาพประกอบที่ 5 ภาพประกอบที่ 6