สวัสดีค่ะ หลังจากเครียดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กันมายาวนาน รัฐบาลเริ่มปลดล็อกให้เราเดินทางไปท่องเที่ยว ได้แล้วไปเที่ยวภูทับเบิกจังหวัดเพชรบูรณ์กันดีกว่าค่ะ เราไปภูทับเบิกบ่อยมากเพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ขับรถไปภูทับเบิกไม่ถึงชั่วโมง เราออกเดินทางจากอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกเลี้ยวซ้ายขึ้นอุทยานภูหินร่องกล้าที่สามแยกหนองกะท้าว ครั้งนี้เราพลาดไปถนัดใจไม่ได้ตรวจสอบก่อนว่าอุทยานยังไม่เปิดให้ผ่าน เพื่อนๆ ที่จะเดินทางช่วงนี้ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนนะคะว่าอุทยานเปิดหรือยัง ทริปนี้เราต้องเสียเวลาย้อนกลับมาเพื่อไปขึ้นภูทับเบิกที่อำเภอหล่มสัก เราขับรถย้อนกลับมาที่สามแยกหนองกะท้าวเลี้ยวซ้ายขับต่อไปอีก 20 กิโลเมตร ถึงไฟแดงแยกบ้านแยงเลี้ยวซ้ายอีกครั้งไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 12 จนถึงสี่แยกหล่มสักเข้าทางหลวงสาย 2372 ถึงสามแยกน้ำชุน ถนนเรียบขับต่อไปจนถึงสามแยกและเลี้ยวซ้ายตามทางหลวงสาย 2331 ถึงทางขึ้นภูทับเบิกซึ่งจะมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทาง ถนนขึ้นภูทับเบิกค่อนข้างจะคดเคี้ยวชันเล็กน้อยเราเรียกถนนเส้นนี้ว่าถนนลอยฟ้า รถเก๋งสามารถขับขึ้นเขาได้สบายถนนลาดยางตลอดแต่ถ้าเป็นมือใหม่ก็ต้องระวังหน่อย ภาพโดยผู้เขียน เมื่อคืนฝนตกทั้งคืนเราจึงมั่นใจว่าต้องเห็นทะเลหมอกแน่ ๆ ระหว่างทางสวยมากเราตกหลุมรักตั้งแต่เริ่มขับรถขึ้นภูทับเบิกต้นไม้สีเขียวสองข้างทางสลับกับสายหมอกที่ลอยมาปะทะรถ เราผ่านโค้งที่เรียกว่าโค้งรูปหัวใจเสียดายที่เราไม่ได้จอดรถลงไปถ่ายรูป เราตื่นเต้นกับทะเลหมอกที่มีให้เห็นตลอดเส้นทาง เราขับรถไปจนถึงกิโลเมตรที่ 18 เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านทับเบิกเราเลือกที่จะขับรถไปที่วัดป่าภูทับเบิกก่อน วัดป่าภูทับเบิกเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสายธรรมยุตินิกาย วัดนี้มีความสำคัญโดยเป็นสถานที่รับน้ำฟ้ากลางหาวเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ในพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 6 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2542 ที่วัดป่าภูทับเบิกนี้เราเข้าไปไหว้พระและชมจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาวตลอดจนชมพระมหาเจดีย์โพธิปักขิยธรรมเจดีย์เพชร 37 ยอด ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน หลังจากเราไหว้พระเรียบร้อยแล้วก็ขับรถย้อนกลับมาตามทางเดิมประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงจุดชมวิวสองข้างทางที่เราขับรถผ่านเต็มไปด้วยไร่กะหล่ำปลีหลายร้อยแปลงซึ่งภูทับเบิกเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มองดูเหมือนไร่กะหล่ำปลีลอยอยู่บนฟ้าเราอดใจไม่ไหวเลยจอดรถถ่ายรูปกะหล่ำปลีลอยฟ้ากัน ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน เมื่อขึ้นมาถึงจุดชมวิว เราคิดในใจว่าสวรรค์เป็นแบบนี้เอง ภูทับเบิกสรรค์บนดินจริงๆ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสดชื่นเย็นสบายท่ามกลางทะเลหมอกและไร่กะหล่ำปลี เรานั่งชิล ๆ ชมทะเลหมอกและถ่ายรูปกัน ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน เนื่องด้วยเป็นฤดูฝนร้านค้ายังไม่เปิดขายของและไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวทำให้ทริปนี้เราไม่มีของฝากติดมือกลับบ้านถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยวหรือฤดูหนาวจะมีผักผลไม้เมืองหนาวจากดอยสด ๆ มาวางขายบริเวณทางลงภูทับเบิกให้เลือกซื้อมากมายซึ่งบางอย่างเราอาจจะไม่เคยเห็นเลย ภูทับเบิกมีที่พักมายมายหลากหลายราคาให้เราเลือกพักแต่ถ้ามาเที่ยวในฤดูฝนเราจะเจอราคาที่พักที่ถูกมาก โดยเฉพาะลานกางเต้นท์เริ่มต้นราคาประมาณ 50 บาท หรือเราจะนำเต้นท์ไปกางเองก็ได้แต่ต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันฝนไปให้ดี ส่วนที่พักราคาก็เริ่มจากหลักร้อยแต่รับรองว่าวิวและบรรยากาศหลักล้านแน่นอนค่ะ ภาพโดยผู้เขียน หลังจากเราเต็มอิ่มกับธรรมชาติและการถ่ายรูปแล้วเราก็ขับรถกลับบ้านตามเส้นทางเดิมผ่านอำเภอเขาค้อมองเห็นทุ่งกังหันลมแต่ตอนนี้ยังไม่เปิดให้เข้าชม เจ้าหน้าที่บอกจะเปิดวันที่ 1 กรกฏาคม 2563 พวกเราเลยชวนกันไปวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดนี้เป็นวัดที่สวยงามมากรายล้อมด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน เจดีย์งดงามตกแต่งด้วยถ้วยกระเบื้องและหินสีต่าง ๆ รวมถึงองค์พระพุทธรูปห้าพระองค์สีขาว ซึ่งมองเห็นโดดเด่นแต่ไกลเราแวะนมัสการองค์ท่านและถ่ายรูป ภาพโดยผู้เขียน ก่อนกลับแวะจิบกาแฟที่ตั๊กม้อ ร้านกาแฟวิวทะเลหมอกหรือโรงน้ำชากลางสายหมอกแห่งเขาค้อร้านอยู่ไม่ไกลจากวัดผาซ่อนแก้ว ที่นี่เป็นร้านกาแฟและร้านอาหารสไตล์จีนเราสามารถจิบกาแฟที่ระเบียงร้านและดื่มด่ำกับธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าฟินสุด ๆ ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน ภูทับเบิกในฤดูฝนมีเสน่ห์ไม่แพ้ฤดูอื่นๆ เลย ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไป ถ้าทุกท่านมีเวลาว่างขอแนะนำเลยนะคะ แวะไปให้ธรรมชาติบนภูทับเบิกได้เยียวยาร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานของเรา แล้วท่านจะหลงรักภูทับเบิก “ภูทับเบิก สวรรค์บนดิน”