ประเทศภูฏาน เชื่อว่าหลายคนน่าจะไม่รู้จักประเทศนี้ เป็นประเทศเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับประเทศอินเดียและจีน ตอนแรกก็แค่เคยได้ยินชื่อ แต่พอได้ไปจริง ๆ ทำให้เราได้สัมผัสจริง กับคำว่า "ภูฏาน ดินแดนแห่งความสุข" เราเริ่มการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย ทริปนี้เราเดินทางโดยสายการบินภูฏานแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากสนามบินเวลาประมาณ 06.30 น. แล้วต้องไปแวะรับผู้โดยสารกันที่โกลกาตา ขึ้นเครื่องมาปุ๊บก็จะมีสาว ๆ แอร์โฮสเตส มาคอยดูแลต้อนรับให้เราไปนั่งตามบัตรโดยสารของเรา ที่นั่งจะเป็นแบบ 3-3 กว้างพอสมควร ส่วนใหญ่ผู้โดยสารคนไทยจะได้ที่นั่งด้านหน้าเลย ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะมีทั้งภูฏานและอินเดีย อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องบิน ระหว่างการเดินทางจะเสิร์ฟถึงสองครั้งเลยค่ะ ขึ้นเครื่องมาก็มีอาหารร้อน คือ มีอาหารกล่องเป็นอาหารหลัก และมีของหวานและเครื่องดื่มเสิร์ฟ มีขนมให้รับประทานด้วยนะคะ อีกครั้งก็เสิร์ฟหลังจากที่เราเริ่มออกเดินทางจากเมืองโกลกาตา อิ่มกันแบบจุกไปเลย เวลาที่เราอยู่บนเครื่องบิน ไม่นานมากนะคะรวมเวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถือว่าการเดินทางไปประเทศนี้ โอเคเลย แต่ที่พลาดไม่ได้เลย คือ การเริ่มเดินทางหลังจากรับผู้โดยสารจากโกลกาตา ช่วงนี้ต้องตื่นตัวนะคะ ทำไมนะเหรอ? เพราะว่าเราจะบินผ่านยอดเขาหิมาลัย และมีโอกาสได้เห็นวิวสวย ๆ ด้วยตาตัวเอง เวลาเราจะบินผ่านยอดเขา กัปตันจะประกาศให้เรารู้ก่อน จะบอกว่ามันพิเศษมาก ๆ พลาดไม่ได้เลยกับโอกาสแบบนี้ มีความสุขแม้จะยังอยู่บนเครื่องบิน ความพิเศษในช่วงนี้ คือ ตอนที่เครื่องบินลงจอด จะเห็นวิวที่สวยมาก ภูเขาของประเทศนี้กับบรรยากาศ ต้องไปเห็นกับตาตัวเอง สวยจริง พอเครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานพาโร กัปตันลงจอดได้แบบมืออาชีพสุด ๆ ประทับใจมาก เครื่องลงจอดแล้ว ก็สำรวจสัมภาระของเรา เตรียมพาสปอร์ตกันด้วยนะคะ เพื่อที่จะเข้าประเทศกัน แต่ที่พลาดไม่ได้ คือ การเก็บภาพ ท่าอากาศยานพาโร สวยมาก ล้อมรอบด้วยภูเขา อากาศเย็นสบายมาก การเข้าประเทศ เราต้องเดินไปที่อาคารตรวจคนเข้าเมือง มีอาคารไม่ใหญ่มากนะ ตกแต่งสไตล์ภูฏาน ออกคล้าย ๆ จีนและทิเบต แต่ด้านหน้าก่อนที่จะเข้าไปในตัวอาคาร จะมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์และพระราชินีของประเทศภูฏาน ซึ่งแน่นอนเราต้องเก็บภาพแห่งความประทับใจนี้ เชื่อว่าทุกคนที่มาที่นี่ต้องมีภาพนี้ การเดินทางเข้าประเทศภูฏาน คนไทยต้องทำวีซ่า โดยบริษัทนำเที่ยวจะดำเนินการทุกอย่างให้เรา อ้อลืมบอกไป คือ ต้องได้วีซ่าก่อน ถึงจะเช็กอินท์ที่สนามบินสุวรรณภูมิได้นะคะ พอมาถึงที่ภูฏาน ทางตรวจคนเข้าเมืองจะตรวจเช็กวีซ่าและพาสปอร์ตเรา ความรู้สึกของเรานะ คนไทยจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษนะคะ หลังจากตรวจเอกสารเสร็จแล้ว ก็ไปรับกระเป๋าที่สายพานค่ะ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่นี่มีแต่เด็ก ๆ อายุไม่เยอะ ตัวอาคารไม่ใหญ่มากเดินออกไปง่ายค่ะ เรียบร้อยแล้วเราก็จะไปเจอ กับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น กระเป๋าเราไม่ต้องยกจากสายพานเลย เพราะว่ามีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและยกกระเป๋าลงให้เราเรียบร้อย ประเทศนี้เน้นเรื่องการบริการเป็นเลิศ ที่สนามบินมีเคาน์เตอร์ธนาคารสำหรับแลกเงินนะคะ แนะนำให้แลกเงินจากประเทศไทยเป็นสกุล US dollars ไปนะคะ แล้วพอไปถึงที่สนามบินก็นำเงินไปแลกเป็นสกุลของภูฏานค่ะ ใช้เงิน งุลตรัมภูฏาน อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากันกับรูปีของประเทศอินเดียค่ะ 1 งุลตรัมประมาณ 0.43 บาท สำหรับคอโซเชียลอย่างเรา ต้องหาซื้อซิมการ์ดค่ะ ที่สนามบินนะคะ ราคาโดยประมาณเริ่มต้นที่ 3 ดอลลาร์ ประมาณ 100 บาทไทย แต่ต้องเติมเงินด้วยนะคะ รวมกันก็ประมาณ 250 บาท ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้สบาย แต่สัญญาณไม่ได้เหมือนประเทศไทยนะคะ บางที่ก็ไม่มีสัญญาณ ประเทศภูฏานห้ามนำบุหรี่เข้าประเทศนะคะ และไม่ให้สูบบุหรี่ในที่สาธารณะโดยเด็ดขาด คือ ดีมาก เหมาะกับเราที่สุด อากาศบริสุทธิ์ แล้วนักท่องเที่ยวจะไปเที่ยวแล้วจะสูบบุหรี่ละทำยังไง ถ้านำบุหรี่เข้าไปได้ค่ะ แต่ไม่เกิน 10 ซอง และต้องจ่ายภาษี 200% เมื่อมาถึงสนามบินจ้า การต้อนรับจากท้องถิ่น พอเราออกไปก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเราขนกระเป๋าขึ้นรถ ไกด์ท้องถิ่นจะมอบผ้าพันคอให้เราคนละผืน ซึ่งบอกว่าเป็นการต้อนรับ ให้นักท่องเที่ยวพบแต่สิ่งดี ๆ ผ้าจะเป็นลายผ้าพื้นเมือง มีทั้งสีขาว สีเหลือง สีแดง ค่ะ สนามบินพาโร อาคารตรวจคนเข้าเมือง และตัวอาคารจะมีศิลปะแบบนี้ เรานั่งรถมาจากสนามบินพาโร ออกมาปุ๊บอากาศเย็นสัมผัสได้เลย รู้สึกสบายเวลาเราอยู่ในรถ แต่ลงรถปุ๊บ ต้องรีบใส่เสื้อกันหนาว น้ำที่เห็นใสมากแต่ว่าลองเอามือไปแตะสิ เย็นยะเยือกเลย คนท้องถิ่นบอกว่าแม่น้ำเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัย ชาวภูฏานมีความเชื่อและบูชา ไม่ทำลายน้ำและสัตว์น้ำ ไม่ฆ่าสัตว์ค่ะ คนภูฏานเล่าให้ฟังว่าเวลาที่จะกินเนื้อสัตว์ต้องนำเข้าจากประเทศอินเดีย หรือไม่ก็ปล่อยให้สัตว์ตายเอง ตรงนี้เป็นจุดแวะพักระหว่างการเดินทาง และเป็นอีกจุดที่ทำให้เราได้เก็บภาพสวย ๆ ระหว่างการเดินทางไปเมืองทิมพู ลงมาถ่ายภาพสดชื่นสุดๆ เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเราจะมาถึงเมืองหลวงของประเทศภูฏาน คือ เมืองทิมพู น่าเที่ยวมั้ยละ แนะนำให้เดินกินลมชมวิวรอบที่พักกันได้นะคะ บรรยากาศดี รถที่นี่จะมีขนาดไม่เกิน 25 ที่นั่ง เป็นรถเล็กที่เห็นวิ่งอยู่ในเมืองหลวง ที่นี่มีทุกอย่าง ร้านค้า ตลาดสด ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว วิวนี้เรามองจากจุดชมวิว เมื่อเราไปสักการะพระใหญ่บนภูเขา ระหว่างการเดินทางเราจะเห็นธงหลากสีที่ผูกไว้ตามทางที่เราเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วเมืองทิมพู บนหลังคาบ้านก็มีนะคะ คนภูฏานบอกว่าในธงจะมีคาถาป้องกันสิ่งชั่วร้าย เวลาที่ธงถูกลมพัด นั่นคือ การสวดมนต์ทำให้ทุกคนปลอดภัยและมีความสุข แวะซื้อของฝาก ร้านค้ามีแอปเปิลสด ๆ ขาย ที่ประเทศนี้ชาวบ้านปลูกแอปเปิลเหมือนบ้านเราปลูกมะม่วง ชาวบ้านจะเอามาวางขายข้าง ๆ ทาง ราคาก็ถูกมาก เป็นแอปเปิลอร่อยปลอดภัยไม่มีสารเคมี แนะนำให้ลองทานกันค่ะ การเดินทางไปประเทศภูฏาน มีหลากหลายเรื่องราวที่เราไม่เคยพบเห็น ซึ่งนี่เลยเราก็ไม่เคยเห็นแบบนี้ ขายข้างทางดูน่าสนใจมาก "นี่ไง...ชีส" คนที่นี่จะเอาไปอมกินเหมือนกับเรากินขนม เราก็ลองเอามาอมกินดูนะคะ แต่ว่าสำหรับเราเองไม่ค่อยโอค่ะ แต่มันอร่อยสำหรับคนท้องถิ่น อาหารท้องถิ่น คนภูฏานกินอาหารจืดคล้ายจีนเลย ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทผัก ยิ่งผัดผักยิ่งอร่อย ต้องชิมนะคะ ไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูกค่ะ แต่อาหารของนักท่องเที่ยวจะมีเนื้อสัตว์นะคะ ไม่ต้องห่วงจ้าอร่อยนะคะ ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินเที่ยวตัวเมืองทิมพู เช้า ๆ และช่วงเย็นเหมาะมาก เก็บภาพสวย ๆ กับตึกต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์ของภูฏาน เราจะได้เห็นบรรยากาศเมืองนี้ เดินสูดอากาศบริสุทธิ์ บอกเลยว่าสดชื่นมาก แนะนำให้เที่ยวที่ตลาดเช้าและตลาดกลางคืนด้วยนะคะ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องเลยละ คนภูฏานจะใส่ชุดประจำชาติกัน ผู้หญิงจะใส่ชุดคีร่า ผู้ชายจะใส่ชุดโกะ ดูมีเสน่ห์ดีค่ะ แนะนำสำหรับคอเที่ยวที่ชอบเดินทางไปเที่ยวอากาศดี ๆ เที่ยววัฒนธรรม ธรรมชาติ ชอบความสงบ ความสบายใจ ที่นี่เลย ประเทศภูฏาน ของฝากที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นงานฝีมือที่ยังไม่มีการใช้เครื่องจักร จะมีชุดประจำชาติภูฏานที่คนไทยจะชอบซื้อกลับบ้านไปด้วย มีเครื่องทองเหลืองให้เราได้เลือกซื้อกลับบ้าน และมีทังกาเป็นคล้าย ๆ กับธง มีการปักลายหลากหลายแบบ ซึ่งเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเชื่อ ค่าใช้จ่ายในการไปประเทศภูฏาน สำหรับการท่องเที่ยว 5 วัน รวมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก 4 คืน โรงแรมระดับ 3-4 ดาว อาหารทุกมื้อ ค่าเดินทางท่องเที่ยว ค่ามัคคุเทศก์ ค่าเข้าชม ประมาณ 60,000 บาท ทริปนี้เราเดินทางประมาณ 16 คนนะ แต่มีนะที่ไปคนเดียว ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 130,000 -150,000 บาท การเดินทางทุกครั้ง คือ การเพิ่มประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ ประเทศภูฏานเป็นประเทศที่อบอุ่น ผู้คนใจดี เที่ยวสบาย เตรียมเก็บกระเป๋าไปเก็บประสบการณ์แห่งความสุขที่ประเทศนี้กัน เครดิตภาพทั้งหมดโดย : ผู้เขียน