ช่วงระยะนี้ใครต่อใครต่างพากันกลัวไวรัส โควิด-19 แต่มีอีกโรคหนึ่งที่คล้ายกันและสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้นั่นคือ วัณโรค วันนี้เหมยลี่จะบอกเล่าอาการของวัณโรคให้อ่านกันพอสังเขป เพราะโรคนี้เป็นกันทั่วโลกเช่นกันค่ะ โดยมีวัน วัณโรคสากล คือวันที่ 24 มีนาคม ของทุกปี ในปีพ.ศ. 2561 กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศให้วัณโรคเป็นโรคติดต่ออันตราย มีความรุนแรงสูงและแพร่ไปสู่ผู้อื่นอย่างรวดเร็ว โดยประเทศไทยเป็น 1 ใน 14 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรงระดับโลกเชียวนะคะ ขอบคุณภาพจาก freepik โรควัณโรค (Tuberculosis) สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (mycobacterium tuberculosis) ติดต่อจากคนสู่คน ผ่านทางละอองเสมหะที่เกิดจากการไอ จาม หรือใช้เสียง เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการดังนี้ ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์มีไข้ต่ำ ๆ ช่วงบ่าย เหงื่อออก ตอนกลางคืนน้ำหนักลด เบื่ออาหาร ไอมีเสมหะปนเลือด ให้สังเกตดูอาการนะคะ อาจเป็นวัณโรคได้ เห็นไหมคะว่า อาการคล้ายกับเชื้อไวรัสโควิด-19 เลย ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยง มีดังนี้ค่ะ ผู้สัมผัสร่วมบ้าน, ผู้ต้องขังในเรือนจำ, บุคลากรสาธารณสุข, ผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้สูงอายุ, แรงงานข้ามชาติ แต่ไม่ต้องกังวัลไปนะคะ วัณโรครักษาให้หายได้ด้วยยารักษาที่มีประสิทธิภาพสูง เพียงกินยาให้ครบ 6-8 เดือน ก็หายขาดได้เลยค่ะ โดยผู้เข้ารับการรักษาต้องได้รับการติดตามผล ตรวจสอบอาการ และจะถูกบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่องและต้องรายงานกรมควบคุมโรค วิธีการป้องกันและดูแลตัวเอง เราสามารถป้องกันการแพร่กระจายสู่ผู้อื่น ใช้ผ้าปิดปาก, จมูกเมื่อไอจาม และควรสวมหน้ากากอนามัย ผู้สัมผัสร่วมบ้านแยกของเครื่องใช้ ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ให้ไปตรวจเอ็กซเรย์ปอด เพื่อค้นหาวัณโรคอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งด้วยนะคะ และที่สำคัญหากมีอาการสงสัย รีบไปปรึกษาแพทย์ ขอบคุณภาพจาก freepik ในประเทศไทย มีผู้ป่วยวัณโรค 108,000 คนต่อปี (หนึ่งแสนแปดพันคน) โดยมีผู้เสียชีวิต 12,000 คน และผู้ป่วยวัณโรคติดเชื้อเอชไอวี 11,000 คน ผู้ป่วยวัณโรคที่ดื้อยา 3,900 คน และยังมีผู้ป่วยวัณโรคที่ยังไม่เข้าถึงการรักษาอีกมากกว่า 46,000 คน จากตัวเลขดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายต้องการยุติวัณโรคในประเทศไทยให้ได้ (Set Zero) ขอบคุณภาพจาก freepik เป็นอย่างไรบ้างคะ เรื่องวัณโรคก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเราและมีอาการคล้ายกับไวรัสโควิด-19 ด้วยเช่นกัน ลองเฝ้าสังเกตอาการตัวเอง และหมั่นดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค ขอบคุณภาพหน้าปกจาก pixabay