ภาพถ่ายคืองานศิลปะอย่างหนึ่ง ที่ช่างภาพหรือผู้สร้างสรรค์ภาพพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้สวยงามที่สุด และพยายามดึงดูดความน่าสนใจและความชอบให้กับผู้พบเห็น ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามเกี่ยวข้องแล้วนั่นหมายความว่าการถ่ายภาพนั้น คืองานศิลปะอย่างหนึ่ง แต่เป็นศิลปะที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีนั้นก็คือกล้องถ่ายรูป แน่นอนครับว่าการถ่ายภาพนั้นเพียงแค่กดชัตเตอร์คุณก็ได้ภาพถ่ายมาแล้ว 1 ภาพ แต่ว่าเราจะทำให้ภาพถ่ายของเรานั้นมีความโดดเด่นและสวยงามยังไง นั้นก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคและวิธีการจัดองค์ประกอบ และในด้านอื่น ๆ อีก แม้กระทั่งแนวคิดออกตัวผู้ถ่ายภาพเอง เมื่อนำหลักทฤษฎีมารวมกันเป็นหลักการปฏิบัติแล้วนั่นหมายความว่าผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่าย จะต้องออกแบบภาพถ่ายของตัวเองให้มีออกมาในลักษณะด้านใดด้านหนึ่ง ที่ชวนให้ผู้ที่มาพบเห็นภาพถ่ายของตนนั้นเกิดความสะดุดใจและเกิดความประทับใจในผลงานของตัวช่างภาพเอง ซึ่งการถ่ายภาพนั้นแบ่งออกเป็นหลายชนิด อย่างเช่น ถ่ายภาพแคนดิด (หมายถึง การถ่ายแบบกับสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์โดยที่วัตถุนั้นไม่สามารถรู้ตัวได้) การถ่ายภาพแบบ พอตเทรด คือการถ่ายสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะคนที่สามารถจัดองค์ประกอบและท่าทางได้ หรือบุคคลรู้และเข้าใจว่าต้องมีการถ่ายภาพและสามารถจัดองค์ประกอบภาพร่วมกับช่างภาพได้ ถ่ายภาพแบบอาหาร ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ ถ่ายภาพวัตถุสินค้า เป็นต้น ในบทความนี้จะกล่าวถึงการถ่ายภาพอีกแนวหนึ่ง ที่สามารถนำภาพถ่ายในลักษณะนี้ ไปใช้ในการถ่ายสินค้า หรือผลงานศิลปะ แม้แต่งานวิชาการก็สามารถทำได้ ภาพถ่ายในลักษณะนี้คือการถ่ายภาพแบบเต็มภาพ หรือการถ่ายภาพแบบเต็มเฟรมนั่นเอง การถ่ายภาพแบบเต็มเฟรมนั้น จะเน้นถึงองค์ประกอบหลักมีความเป็นเฉพาะ ที่มีพื้นที่ของวัตถุนั้นกว้างและมีจุดที่น่าสนใจกระจายอยู่เต็มวัตถุ อย่างเช่น 1. การถ่ายภาพลวดลายผ้า หรือลายผ้าเฉพาะแต่ละผืนแล้วนำมาต่อเรียงกัน ซึ่งจะได้ตัวอย่างของลายผ้าที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น 2. การถ่ายภาพเครื่องจักสานให้เน้นถึงรายละเอียดของวิธีการผลิต ให้เห็นว่ามีกระบวนการประดิษฐ์สิ่งนี้ได้อย่างไร 3. การถ่ายภาพลวดลายอักษรหรือสัญลักษณ์ ที่มีหลากหลายเต็มพื้นที่ของวัตถุนั้น ๆ เพื่อให้เห็นสัญลักษณ์และตัวอักษรต่าง ๆ อย่างชัดเจน 4. การถ่ายภาพวัตถุที่นำมาเรียงหรือวางซ้อนกันทั้งในแบบแนวตั้งและแนวนอน จนกลายเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ทำให้เกิดความเป็นระเบียบและความประณีต อย่างเช่น การนำเครื่องปั้นดินเผา หรือกระถางดินเผามาเรียงต่อกันให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส การถ่ายภาพลวดลายต่าง ๆ บนจิ๊กซอ การถ่ายภาพของกินที่เป็นชิ้นอย่าง โดนัท หรือคุกกี้ ที่นำมาเรียงต่อกันให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหล่านี้เป็นต้น การถ่ายภาพแบบเต็มเฟรมหรือการถ่ายภาพแบบเต็มรูปภาพนั้น ดังตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วซึ่งจะมาขยายได้ใจความ เพื่อให้เห็นประโยชน์ในการนำไปใช้สอยซึ่งบทความนี้จะกล่าวถึงคร่าว ๆ ได้ดังนี้ 1. การถ่ายภาพลวดลายต่างๆไม่ว่าจะเป็นลวดลายเครื่องจักสาน หรือแม้กระทั่งลวดลายผ้าทอการถ่ายภาพเต็มเฟรมนั้นจะทำให้เห็นลวดลายต่างๆเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นการดึงดูดความน่าสนใจ ของลูกค้าหรือผู้ที่มาพบเห็น เป็นส่วนหนึ่งของการปิดการขายถ้าจะพูดกันง่าย ๆ ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ การถ่ายภาพเต็มเฟรมหรือการถ่ายภาพแบบเป็นภาพเหล่านี้ เป็นภาพถ่ายแนวสินค้านั้นเอง 2. การถ่ายภาพแบบเต็มเฟรมในเรื่องของอักษร และสัญลักษณ์ต่าง ๆ การถ่ายภาพในลักษณะนี้จะเป็นการถ่ายภาพที่นำไปประกอบการพิจารณาในเชิงวิชาการ เพราะการถ่ายภาพแบบเต็มเฟรมนั้นจะเห็นองค์ประกอบลายเส้นและตำหนิหรือจุดต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด แม้กระทั่งประโยคสั้น ๆ อักษรโบราณก็สามารถนำมาวิเคราะห์การอ่านและความหมายได้ หรือแม้กระทั่งรอยแตกระหว่างอักษรหรือสัญลักษณ์ ก็สามารถนำมาร่างโดยใช้ปากกาหรือดินสอ เขียนเพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไปเพื่อการวิเคราะห์ที่ง่ายขึ้น 3. การถ่ายภาพเต็มเฟรมในเรื่องของจำนวนของวัตถุ ในด้านอื่น ๆ อย่างเช่น การสร้างสรรค์งานเพื่องานศิลปะ การนำไปใช้ในการทำพื้นหลัง หรือแม้กระทั่งถ่ายสินค้าแบบเต็มเฟรมเพื่อนำไปทำพื้นหลัง เพื่อการโฆษณาสินค้าโดยใช้ข้อความ พิมพ์หรือเขียนลงไปบนภาพ ทั้งหมดที่กล่าวมาคือตัวอย่างในการถ่ายภาพแบบเต็มเฟรมหรือการถ่ายภาพแบบเต็มภาพไปใช้ประโยชน์ แต่ในหลายบริบทของการถ่ายภาพนั้น โดยเฉพาะในเชิงพาณิชย์การถ่ายภาพแบบเต็มเฟรมหรือการถ่ายภาพแบบเต็มภาพ อาจเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งของการขายสินค้า เพราะว่าการได้เห็นภาพสินค้าในรูปแบบเต็มส่วนประกอบ ก็ยังมีส่วนสำคัญอยู่มาก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้สร้างสรรค์ผลงานจะบังคับให้เป็นไปในทิศทางใด แต่ในหลาย ๆ ครั้งภาพแบบเต็มเฟรม ก็สามารถตอบโจทย์ในการแสดงผลงานได้อย่างลงตัว ภาพถ่ายโดย พงศธร อิ่มอุดม ผู้เขียนบทความ