"ข้อเท้าแพลง" ที่พบในนักกีฬามักจะมาจากการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬาเป็นส่วนใหญ่ เช่น ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, วอลเลย์บอล เป็นต้น โดยพบว่านักกีฬาที่เคยมีประวัติข้อเท้าแพลงมาก่อนมักจะข้อเท้าแพลงได้ง่ายเมื่อเทียบกับนักกีฬาที่ไม่เคยมีประวัติข้อเท้าแพลงเลย ซึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดข้อเท้าแพลงหลัก ๆ คือเกิดจากอุบัติเหตุขณะเล่นกีฬา หรืออาจจะเกิดจากความไม่พร้อมทางร่างกายของตัวนักกีฬาเอง การบาดเจ็บที่ข้อเท้าของนักกีฬาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะข้อเท้าถือเป็นหัวใจหลักของนักกีฬาเลยทีเดียว (ภาพถ่ายโดย Daniel Reche จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/1556710/) ลักษณะของข้อเท้าแพลง 1. ข้อเท้าแพลงเข้าด้านใน (พบได้บ่อยสุด เนื่องจากกระดูกทางด้านในจะสั้นกว่ากระดูกทางด้านนอก) อาการปวดจะอยู่บริเวณตาตุ่มทางด้านนอก 2. ข้อเท้าแพลงออกด้านนอก อาการปวดจะอยู่บริเวณตาตุ่มทางด้านใน อาการของข้อเท้าแพลง 1. ปวด บวม แดง ร้อน ช่วงวันแรก ๆ บริเวณข้อเท้า 2. มีอาการปวดเมื่อขยับข้อเท้า 3. มีอาการปวดเมื่อเดินลงน้ำหนักขาข้างที่ข้อเท้าแพลง การรักษา (แพทย์) (ภาพถ่ายโดย : https://www.pexels.com/th-th/photo/2182979/) 1. ทานยาลดอาการปวด และยาลดอาการอักเสบ 2. ใส่เฝือกบริเวณข้อเท้า เพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหวของข้อเท้า 3. ผ่าตัด *การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์จากการประเมินความรุนแรงของอาการ การรักษา (กายภาพบำบัด) (ภาพถ่ายโดย ThislsEngineering จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/search/doctor/) 1. จำกัดการเคลื่อนไหวโดยการพันผ้ายืดหรือใส่เฝือกอ่อนบริเวณข้อเท้า ซึ่งหลักการพันผ้ายืดที่ถูกต้องคือพันไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป โดยควรพันให้กระชับกับข้อเท้า และหลักการใส่เฝือกอ่อนที่ถูกต้องคือใส่ให้กระชับกับข้อเท้าโดยใช้หลักการเดียวกันกับการพันผ้ายืด 2. ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก พยายามยกขาสูงกว่าระดับหัวใจ ซึ่งจะช่วยในเรื่องลดอาการบวมที่จะตามมาหลังจากได้รับบาดเจ็บ 3. ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกที่ยังมีอาการอักเสบอยู่ (ปวด, บวม, แดง, ร้อน) ให้ประคบน้ำแข็งหรือเจลทำความเย็นประมาณ 10-15 นาที ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อลดอาการอักเสบ และอาการบวม 4. หลังจาก 24-48 ชั่วโมงแรก หรือหลังจากที่อาการอักเสบลดลง ให้ประคบอุ่นประมาณ 30 นาที เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณที่บาดเจ็บ 5. Ultrasound Therapy การรักษาด้วยคลื่นเสียง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการปวดเฉพาะที่ 6. Laser Therapy ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ *การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนักกายภาพบำบัดจากการประเมิน การฟื้นตัวหลังจากอาการปวดลดลง (ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/3763873/) สำหรับนักกีฬาหลังจากที่ข้อเท้าเริ่มปวดน้อยลง สามารถเดินลงน้ำหนักได้มากขึ้น ทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป แต่ไม่สามาถ กลับไปเล่นกีฬาได้ตามปกติ เนื่องจากการเล่นกีฬาต้องใช้งานข้อเท้ามากกว่าการทำกิจวัตรประจำวันหลายเท่า นักกีฬาจึงต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนกลับเข้าสู่การเล่นกีฬาอย่างเต็มตัว โดยการฝึกการรับรู้ข้อต่อบริเวณข้อเท้าและเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเท้า เพื่อฟื้นฟูหลังอาการบาดเจ็บและป้องกันการบาดเจ็บซ้ำหลังจากกลับไปเล่นกีฬา ซึ่งจะฝึกโดยการ 1. กางขาทั้ง 2 ข้าง ในระดับเดียวกับหัวไหล่บนพื้นมั่นคง หลังจากนั้นลองหลับตายืนทรงตัวค้างไว้ประมาณ 30 วินาที 2. ยืนขาข้างเดียวโดยใช้ขาข้างที่ข้อเท้าแพลงรับน้ำหนัก โดยยืนทรงตัวบนพื้นมั่นคงค้างไว้ประมาณ 30 วินาที 3. ยืนขาข้างเดียวโดยใช้ขาข้างที่ข้อเท้าแพลงรับน้ำหนัก โดยยืนหลับตาทรงตัวบนพื้นมั่นคงค้างไว้ประมาณ 30 วินาที 4. ยืนขาข้างเดียวโดยใช้ขาข้างที่ข้อเท้าแพลงรับน้ำหนัก โดยยืนทรงตัวบนพื้นไม่มั่นคงค้างไว้ประมาณ 30 วินาที 5. ยืนขาข้างเดียวโดยใช้ขาข้างที่ข้อเท้าแพลงรับน้ำหนัก โดยยืนหลับตาทรงตัวบนพื้นไม่มั่นคงค้างไว้ประมาณ 30 วินาที *เริ่มฝึกจากท่าที่ 1 แล้วค่อย ๆ เพิ่มความยากจนถึงท่าที่ 5 หากไม่สามารถทรงตัวในแต่ละท่าได้ ให้ใช้ท่าที่ทำไม่ได้ในการฝึกจนกว่าจะทำได้ เมื่อปิดการรับรู้ทางสายตาลงโดยการหลับตาขณะยืนทรงตัว จะพบว่าร่างกายจะปรับตัวโดยการใช้การรับรู้ของข้อต่อที่ข้อเท้าแทนการรับรู้ทางสายตาที่หายไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเท้า ช่วยให้การรับรู้ข้อต่อที่ข้อเท้ากลับมาได้เร็วกว่าปกติหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า เนื่องจากสิ่งแรกที่จะหายไปหลังจากที่ข้อเท้าแพลงคือ "การรับรู้ของข้อต่อบริเวณข้อเท้า" ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากสำหรับการทรงตัว (ภาพปกโดย : https://www.pexels.com/th-th/photo/163535/)