หลังจากที่ชอบทานกระเจี๊ยบเขียวเอามากๆ วันหนึ่งก็อยากปลูกไว้เป็นของตัวเอง เจ้ากระเจี๊ยบเขียวนี่เขาโตง่ายมากเลยนะ ได้ทุกสภาพอากาศเลย ปลูกก็ง่ายแค่ทำหลุมแล้วหย่อนเมล็ดลงไปหลุมละ1-2 เม็ดก็พอ พอโตสัก2-3 เดือนก็ใส่ปุ๋ย15-15-15 เว้นระยะ 2-3-4 เดือนค่อยใส่อีกรอบก็ยังได้... เขาชอบแดด และต้องคอยรดน้ำอย่างน้อยวันละครั้งสังเกตุถ้าแดดร้อนมากๆ วันละ2 ครั้งก็ดีค่ะ ที่ต้องคอยระวังคือช่วงหน้าฝนเขาจะมีเพลี้ยแป้งค่ะ หลังจากนั้นเขาจะมีฝักให้คุณได้กินตลอดยาวๆเลยค่ะ ดอกของเขาจะสวยมากๆ สีเหลืองอ่อนๆ มองแล้วสดชื่นจัง เมนูจากกระเจี๊ยบเขียว วันหนึ่งฉันก็มานั่งหาข้อมูลว่าเจ้ากระเจี๊ยบเขียวนี่นอกจากจะต้มกินกับน้ำพริกแล้วสามารถทำอะไรกินได้บ้าง และก็ได้รู้ว่ามันมีมากมายแต่ที่น่าสนใจก็จะมี 1.กินดิบ แค่เลือกเอาฝักอ่อนๆเอามาล้างน้ำ แล้วกินคู่กับน้ำพริกที่ชอบได้เลย 2.ลวกในน้ำเดือดแล้วรีบตักออกแช่น๊อคน้ำเย็น มันจะกรอบแบบผักลวกก็จะอร่อยมากเหมือนกัน 3.แกงส้ม ไม่ต้องมากพิธีแค่โขลกเนื้อปลาทูหรือเนื้อปลาทูน่าหรือปลากระป๋องกับพริกแกงส้มใส่ในน้ำเดือดปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว เติมน้ำตาลนิดนึง เอาให้รสชาติกลมกล่อมแบบที่เราชอบ แล้วใส่กระเจี๊ยบลงไปคน2-3ทีแล้วปิดไฟ 4.ไข่เจียวกระเจี๊ยบ ง่ายมากแค่ตีไข่ปรุงรสแล้วฝานกระเจี๊ยบลงไป เจียวหอมๆ หื้มมมมมม......กินกับข้าวสวยร้อนๆคู่น้ำปลาพริกนะมันจะอร่อยมาก 5.ยำกระเจี๊ยบกุ้งสด นึกภาพตามคือเมนูยำกุ้งสดนี่แหละ พริก หอมใหญ่ กระเทียม มะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย ต้นหอมผักชี ขึ้นช่าย มะเขือเทศ กุ้งและกระเจี๊ยบลวกแล้วน๊อคน้ำเย็น คลุกเคล้าเข้ากัน ไม่ต้องบรรยายค่ะ...... ที่รู้กันประโยชน์ของกระเจี๊ยบเขียวนั่นมากเหลือเกิน หลักๆที่น่าสนใจก็คือ - เขาเป็นยาระบายอ่อนๆ ทำให้เราสบายท้องในทุกๆวัน - เป็นสมุนไพรช่วยเคลือบแผลในโรคกระเพาะอาหาร - ช่วยลดน้ำตาลในเลือดเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน - ช่วยลดคอเลตเตอรอล - มีโฟเลตสูงช่วยบำรุงเลือด แต่ข้อเสียเขาก็มีนะ -ไม่ควรทานแบบดิบๆในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะทำให้เราท้องอืดได้ -และทานมากไปอาจทำให้เป็นนิ่วเพราะเขามีออกซาเลตสูง -เขามีวิตามินเค ที่ช่วยต้านการเกิดลิ่มเลือด สำหรับผู้ทีกำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดไม่ควรทานนะคะ อ่อ!! เวลาเอาไปทำอาหารทาน อย่าทำให้เขาสุกมากไปนะคะ เขาจะมีเหมือกๆออกมามาก ทำให้ไม่อร่อยค่ะ... ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก medthai.com