หลังจากที่มีประกาศคลายล็อกดาวน์สวนสาธารณะ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ก็ทำให้หลายคนดีใจกันเป็นแถว เพราะได้ออกไปขยับแข้งขยับขา เดินเที่ยว ออกกำลังกาย หรือพักผ่อนนอกบ้านได้บ้าง หลังจากที่ต้องเก็บตัวอยู่บ้านมานานกว่า 2 เดือนกว่า ๆ เราจึงอาสาขอพาเที่ยวสวนสาธารณะกลางกรุง หลังคลายล็อกดาวน์ 2 แห่งกันค่ะ เราไม่ได้ออกไปสวนสาธารณะทันที ที่เค้าเปิดให้บริการ เพราะอยากให้มั่นใจในสถานการณ์ว่าไม่น่าเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส จึงไปประมาณปลายเดือนพฤษภาคม เลือกช่วงบ่ายที่คิดว่าคนจะน้อยที่สุด และไม่เช่าจักรยาน เน้นการเดินให้มากที่สุด โดยเป้าหมายที่เราต้องการไปเดินเล่น เพื่อพักผ่อน ถ่ายรูป ดูต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ คือ สวนวชิรเบญจทัศ และ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนวชิรเบญจทัศ หรือ สวนรถไฟที่พวกเรารู้จักกันดี เราเลือกเข้าประตูทางถนนกำแพงเพชร 3 ที่อยู่ตรงข้ามกับสวนจตุจักร มีเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะตรวจวัดอุณหภูมิ และเน้นย้ำให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย พร้อมกับมีป้ายประกาศแนะนำจากกรุงเทพมหานครเรื่องการออกกำลังกายในช่วงโควิดอย่างถูกต้อง เดินเข้ามาเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง ซึ่งเรากลายเป็นเจ้าของสวนสาธารณะอย่างแท้จริง แทบจะไม่คนให้เห็นเลย มีเพียงบางครอบครัวที่พาเด็กมาปั่นจักรยานในเลนจักรยานสีเขียว และ คนที่มาวิ่งออกกำลังกายเล็กน้อย นับได้ไม่ถึง 10 คน ปกติเป็นที่รู้กันดีว่า สวนรถไฟในวันหยุดจะมีผู้คนมาพักผ่อน ออกกำลังกายทั้งวันแบบไม่มีเงียบเหงา ทางเดินจะพลุกพล่านไปด้วยคนที่เดินและวิ่งออกกำลังกายสวนกันไม่ขาดสาย แต่วันนี้มันช่างฟิน เดินกลางถนนไม่มีใครว่า จะหยุดถ่ายรูป เก็บรูปสวย ๆ กับต้นไม้เขียว ๆ ก็ดีงามสมใจ เราเดินผ่านสวนผีเสื้อซึ่งยังไม่เปิดให้บริการ มีผีเสื้อสวยตัวเล็ก ๆ บินไปมาอวดตัวพอสมควร หลังจากนั้นก็เดินเข้าทางเชื่อมเพื่อเข้าไปที่สวนสาธารณะอีกแห่งหนึ่ง สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ลดประตูทางเข้าจาก 6 ทางเหลือเพียง 4 ทางเข้านั้น คือฝั่งตรงข้ามเจเจมอล์ , ถนนกำแพงเพชร 2 , และทางเชื่อมกับสวนรถไฟ 2 จุด ผู้ที่ตั้งใจจะเข้าทางถนนกำแพงเพชร 3 ต้องผิดหวังค่ะ เราเดินมาถึงทางเชื่อมที่เป็นสะพานเหล็ก เมื่อก้าวเข้าสู่สวนสาธารณะแห่งนี้ ให้ความรู้สึกแตกต่างจากสวนรถไฟค่ะ เพราะต้นไม้ใหญ่ของที่นี่แผ่กิ่งก้านคลุมพื้นที่โดยรอบ ทำให้สวนดูร่มรื่นน่าเดินมาก ๆ ค่ะ วันนี้คนมีไม่มาก มีแต่เจ้าหน้าที่นำรถมาตัดแต่งกิ่งไม้ ลงดิน ปรับพื้นที่กัน จุดที่คนส่วนใหญ่มักจะหยุดแวะถ่ายรูป ก็คือตรงสะพานข้ามคลองที่มีต้นหางนกยูงสีส้มสดใส เป็นมุมที่ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ซึ่งที่สวนแห่งนี้ มีจุดเด่นก็ตรงต้นหางนกยูงนี่แหละค่ะ จะมีทั้งหางนกยูงสีส้ม และ หางนกยูงสีทอง ช่วงนี้ดอกไม้กำลังบานสะพรั่ง มองไปทางไหนก็รู้สึกมีความสุขทีเดียวเลยค่ะ เดินมาถึงจุดทางเชื่อมกับสวนรถไฟอีกจุดหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์อีกที่ นั่นก็คือ สะพานคลื่นนก (Bird Wave) ที่ออกแบบมาอย่างมีสไตล์ เป็นจุดที่ทุกคนชอบแวะถ่ายรูป และนั่งชิล ๆ ดื่มด่ำธรรมชาติ มองดูนกและผีเสื้อบินไปมา มองดูปลาในคลองเล็ก ๆ พร้อมกับต้นไม้เขียว ๆ ที่ปกคลุมด้านหน้า พอเข้าช่วงบ่าย 3 โมงกว่า ๆ แดดเริ่มร้อนกันแล้วค่ะ ทำให้เราต้องเดินจ้ำอ้าวไปออกที่ประตูฝั่งตรงข้ามตรงข้าม เจ เจ มอล์ แล้วก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบาย สวนสาธารณะดี ๆ กลางกรุง ที่ทำให้วันเสาร์แบบนี้เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ ได้เดินออกกำลังกาย และพักผ่อนจิตใจ สำหรับใครที่อยากออกมาเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกบ้าง จะไปห้างสรรพสินค้าก็กลัวคนเยอะ ไม่ปลอดภัย ขอแนะนำสวนสาธารณะค่ะ เพราะคนไม่แออัด อยู่กันห่าง ๆ ได้อากาศบริสุทธิ์ และยังได้เดินออกกำลังกายด้วย ที่สำคัญอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกค่ะ ภาพทั้งหมดโดย Lek-Farmfunbook