พาเดินชิลที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ก่อนที่จะพาผู้อ่านทุกท่านได้เห็นความสวยงามของเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ผู้เขียนขอเกริ่นการเดินทางก่อนที่จะถึงเมืองบรัสเซลส์เสียก่อน เริ่มต้นด้วยการเดินทางจากที่พักในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศสมายังสถานีรถไฟ Gare du Nord ณ เวลา 5:52 น. เพื่อเตรียมตัวขึ้นขบวนรถไฟสู่ปลายทาง ณ เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม รายละเอียดค่าตั๋วรถไฟ ณ วันที่ผู้เขียนเดินทางตกคนละประมาณ 40 ยูโร ทั้งนี้ค่าเงินมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และราคาตั๋วรถไฟแต่ละเที่ยวไม่แน่นอน จึงขอแนะนำให้จองตั๋วรถไฟก่อนการเดินทางเนื่องจากจะได้ราคาที่ถูกกว่าจองหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งราคาตั๋วเริ่มต้นมีตั้งแต่ 28 ยูโรเป็นต้นไป และเปิดจองตั๋วได้ก่อน 90 วันหรือ 3 เดือนก่อนเดินทาง เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานเกินรอล้อรถไฟเริ่มหมุนพาผู้เขียนรวมทั้งเพื่อนร่วมทริปอีก 2 คน สู่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระหว่างการเดินทางครั้งนี้วิวข้างทางมองผ่านกระจกบานใหญ่ชมทุ่งหญ้า ต้นไม้สีเขียว พระอาทิตย์ขึ้น พลางทานผลไม้ที่เตรียมมาเนื่องจากเวลาที่ออกเดินทางค่อนข้างเช้าทำให้ไม่ได้รับประทานอาหารเช้าก่อนที่จะมาถึงสถานีรถไฟ เมื่อเวลาประมาณ 8:30 น. ผู้เขียนเดินทางถึงเมืองบรัสเซลส์ สังเกตเห็นคนในสถานียังคงพลุกพล่านแต่คนในเมืองนั้นยังไม่ออกมาทำกิจกรรมอะไรมากมาย ยังคงมีความเงียบสงบเหมาะกับการเดินชิลรับแดดอุ่น ๆ กับอากาศอุณหภูมิ 10 กว่าองศาที่ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ผู้เขียนเดินอย่างไม่เร่งรีบจนมาถึงจัตุรัสกรองด์ ปลาซ (Grand Palace) สะดุดตากับสถาปัตยกรรมของศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) สไตล์กอธิค (Gothic) ที่มีความสวยงามมากในสายตาของผู้เขียนที่ได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวยุโรปเป็นครั้งแรก ราคาเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 5 ยูโร นักเรียนและนักศึกษา หรือเด็กที่มีอายุ 6-12 ปีอยู่ที่ 3 ยูโร และกรณีที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ถึงอย่างไรก็ตามวันแรกที่มาถึงเมืองบรัสเซลส์ ผู้เขียนต้องเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่น ๆ อย่าง Bruges , Ghent และ Antwerp เสียก่อนเนื่องด้วยระยะเวลาที่สั้นและอยากเก็บประสบการณ์การมาเที่ยวประเทศเบลเยียมให้มากที่สุด ผู้เขียนและเพื่อนร่วมทริปเลยตัดสินใจที่จะมาเที่ยวในเมืองบรัสเซลส์ในวันถัดมาหลังกลับจากเมือง Antwerp วันถัดมาผู้เขียนเดินทางกลับมาถึงเมืองบรัสเซลส์ ประมาณ 13:30 น. ผู้เขียนเดินชมเมืองและผู้คนรวมทั้งหาร้านอาหารเพื่อจะทานอาหารเที่ยงในครั้งนี้ สุดท้ายมาจบปลายทางที่ร้าน Noordzee Mer du Nord เป็นร้านอาหารที่มีจุดเด่นเรื่องอาหารทะเล แต่ขอบอกก่อนว่าเป็นร้านอาหารยืนกินไม่มีที่นั่ง คะแนนรีวิวที่ได้บนโลกออนไลน์นับว่าใช้ได้เลยทีเดียว ผู้เขียนปลื้มรสชาติอาหารร้านนี้มาก ๆ แนะนำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกร้านอาหารที่ดีมีคุณภาพร้านหนึ่งสำหรับคนที่มาเที่ยวที่เมืองบรัสเซลส์ หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จผู้เขียนได้เดินชมรอบ ๆ เมืองบรัสเซลส์ ไปยังหลายสถานที่อย่าง Galeries Royales Saint-Hubert ที่เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ระหว่างการเดินชมนั้นผู้เขียนก็ได้แวะนั่งทานวาฟเฟิลและไอศกรีม ณ ร้านชื่อดังของที่นี่ คือร้าน Maison Dandoy ไอศกรีมที่สั่งพนักงานบอกว่าหาไม่ได้จากที่ไหนเป็นสูตรของทางร้านเป็นไอศกรีม Cinnamon หรืออบเชย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเมนูชื่อดังของร้านนั่นเอง หลังจากเติมพลังเป็นที่เรียบร้อย ผู้เขียนเดินไปยังหลายสถานที่ในเมืองบรัสเซลส์อย่าง สวน Mont des Arts อยู่หน้าพระราชวัง Coudenberg นับว่าสวยมากเลยทีเดียว ต่อด้วยการเดินเล่นใน Brussels Park ชมต้นไม้สีเขียว ระหว่างทางที่ได้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในเมืองบรัสเซลส์คือรูปวาดการ์ตูนบนกำแพง การ์ตูนชื่อดังของประเทศเบลเยียมอย่าง The Adventures of Tintin หรือรวมทั้งภาพวาดหนูน้อยชื่อดังอย่าง Manneken Pis ที่มีรูปปั้นหลายแห่งในเมืองบรัสเซลส์ และจะมีการแต่งตัวให้กับรูปปั้นแตกต่างตามเทศกาลหรือโอกาสพิเศษ หลังจากใช้เวลาเก็บภาพและความทรงจำในเมืองบรัสเซลส์แห่งนี้ในระยะเวลาการเที่ยวที่ไม่มาก นับว่าคุ้มค่าไม่น้อย หากผู้อ่านท่านใดต้องการใช้เวลาพักร้อนหรือต้องการเดินทางหาประสบการณ์ เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้เขียนแนะนำ ภาพถ่ายทั้งหมดโดย nofilter (ผู้เขียน)