หลายคนยอมรับ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าสุนัขและแมวนั้นสามารถบริจาคเลือดได้ด้วย วันนี้แม่ตัวเต๋อ ขอมาแชร์ประสบการณ์ในการพาเจ้าสี่ขาแสนรู้ไปบริจาคเลือดกัน ที่ธนาคารเลือด โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) กันค่ะ รับรองว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ สำหรับการเสียเลือดในครั้งนี้แน่นอน ก่อนอื่นเราต้องทราบข้อมูลสุขภาพของสุนัขเราว่า แข็งแรงพอหรือมีคุณสมบัติที่จะบริจาคเลือดได้หรือไม่ เราลองมาเช็คกันได้ตาม 10 ข้อนี้ 1.ช่วงอายุที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 1-7 ปี น้องต้องสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ต้องไม่เป็นโรคผิวหนัง 2.น้ำหนัก 17 กิโลกรัม ขึ้นไป (สำหรับตัวเต๋อบริจาคครั้งแรก อายุ 3 ปี น้ำหนักก็เกิน 20 กิโลกรัม ไปนิดๆ แล้ว แปลว่าเค้าจะตัวอวบๆ หน่อยนะคะ) 3.และต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคประจำปีครบถ้วนและต่อเนื่อง อาทิ วัคซีนป้องกันเห็บหมัด วัคซีนป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจ และวัคซีนพิษสุนัขบ้า และถ้าเพิ่งฉีดวัคซีนมา ควรเว้นระยะ 3 สัปดาห์ ก่อนไปบริจาคเลือด 4.ต้องมีสุขภาพฟันที่ดี ต้องไม่มีคราบหินปูนเกาะที่ฟัน 5.ช่วง 3 เดือนก่อนบริจาค ต้องไม่เคยมีประวัติผ่าตัดใหญ่ หรือต้องไม่เคยรับการถ่ายเลือดมาก่อน 6.ถ้าเป็นเพศเมีย ไม่ควรอยู่ในช่วงเป็นสัด หรือมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ให้นมลูก 7.ก่อนบริจาคเลือด 2 สัปดาห์ ต้องไม่ป่วยหรือห้ามกินยาทุกชนิด 8.น้องหมาพันธุ์หน้าสั้น หรือสายพันธุ์เล็กทุกชนิด ไม่เหมาะที่จะบริจาคเลือด 9.ควรเว้นระยะห่างในการบริจาคเลือดประมาณ 3-4 เดือน แล้วค่อยบริจาคครั้งถัดไปได้ 10.ข้อนี้ก็สำคัญ น้องหมาควรมีนิสัยเป็นมิตรและต้องเชื่อฟังเจ้าของ เพราะเคยมีเคสเหมือนกันที่คุณหมอโดนกัด ถ้าพร้อมคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ก็ไปบริจาคเลือดกัน โดยคุณหมอ จะทำการเจาะเลือดที่บริเวณขาหน้า เพื่อนำไปตรวจหาความสมบูรณ์ของเลือด หรือดูว่ามีค่าไตสูงไปหรือเปล่า เพราะบางทีในอาหารที่เราให้น้องรับประทานอาจจะเค็มเกินไป หรือน้องหมาเรากินน้ำน้อยไปก็จะทำให้มีภาวะเลือดหนืดหรือไหลช้าตอนบริจาคได้ อันนี้ก็อดบริจาคนะคะ ต้องทิ้งระยะไปก่อนสัก 1-2 สัปดาห์เลยล่ะ หลังจากเจาะเลือดไป ก็ต้องผลตรวจอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็พาน้องไปรอในห้องพัก แนะนำว่าถ้าน้องพลังงานเยอะๆ แล้วอยากเดินสำรวจโลก อันนี้ต้องไม่ตามใจมาก เพราะเค้าจะเหนื่อย หัวใจเต้นแรง ก็จะทำให้ร่างกายเค้าตื่นเต้น ควรหาที่นั่งพักชิลๆ เพื่อรอเข้าห้องเจาะเลือดจะดีกว่า เมื่อผลเลือดออกมาผ่าน คุณหมอก็จะมาเรียกเข้าห้องค่ะ ทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ท่านอื่นๆ คอยเรียกชื่อเค้าบ่อยๆ และให้เจ้าของพาน้องนั่งและนอนตะแคงบนเตียงตามลำดับ เพื่อหมอจะได้เริ่มทำการฉีดยาซึม เพื่อให้สุนัข มีอาการสงบ (สำหรับตัวเต๋อครั้งแรก จัดไป 2 เข็มค่ะ เป็นน้องหมาที่พลังเยอะมาก เข็มเดียวไม่ซึมจ้า) จากนั้นเจ้าของจะมีท่าจับน้อง โดยมือนึงจับปากแบบพอดีๆ ไม่แน่นจนเกินไป อีกมือหนึ่งอาจจะปิดตา หรือจับบริเวณศรีษะก็ได้ เผื่อจังหวะที่น้องเกิดตกใจ จะได้ไม่ดิ้นจนอาจเกิดอันตราย แต่ส่วนใหญ่ถ้าโดนยาซึมแล้ว ก็จะไม่ค่อยมีปัญหา หลังจากคลำหาเส้นเลือดบริเวณคอเจอแล้ว ก็เจาะเลือดได้เลย ปล่อยให้เลือดไหลลงถุงเก็บเลือด พอได้ปริมาณที่ต้องการ ก็ถอนเข็มออก หมอจะพันแผลด้วยผ้าพันแผลสีสันสดใส รอเวลาไม่นานหมาของเราก็จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ข้อควรระวัง : สำหรับสุนัขบางรายอาจจะมีการอาเจียนจากยาซึมได้บ้าง แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะเป็นเรื่องปกติ (แต่เต๋อไม่อ๊วกนะ) เสร็จเรียบร้อย หมอก็จะมีชุดกิ๊ฟเซ็ทขนมและอาหารมอบให้เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ รวมถึงอาจจะมีผ้าพันคอหรือเสื้อยืด แล้วแต่ว่าช่วงที่ไปบริจาคจะมีอยู่ไหม ข้อดีของการพาหมาไปบริจาคเลือด เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้สุขภาพน้องหมาเราแข็งแรงมากขึ้น และเลือดที่เต๋อบริจาคไปนั้นสามารถช่วยน้องหมาตัวเล็กๆที่ป่วยได้ 2-3 ตัว เลยทีเดียว ถือว่าการเสียเลือดครั้งนี้มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งได้ตรวจสุขภาพ (ฟรี) ไปในตัว ได้ช่วยเหลือเพื่อนหมาที่ป่วย และได้ขนมกลับบ้านอีกด้วย แถมการไปบริจาคเลือดก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แบบนี้เต๋อจะไม่มาบริจาคอีกได้ยังไง สำหรับตัวเต๋อนั้น มีประวัติบริจาคเลือดเป็นครั้งที่ 2 แล้ว เลือดเป็นสิ่งหายาก เลือดที่บริจาคไปจะอยู่ได้แค่ 18 วัน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ถึง เพราะส่วนใหญ่ ก็มีคิวจองสำหรับเคสที่ป่วย นอนรอรับเลือดไปเพื่อรักษากันอยู่ทุกวัน ถ้ามีโอกาสก็พาน้องหมาของคุณไปบริจาคเลือดกันเยอะๆ นะคะ ธนาคารเลือด โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โทร. 02 797 1900 ต่อ 2329 เครดิตภาพทั้งหมด : MadameMayka