ภาพถ่ายโดยผู้เขียน หลังจากที่ได้มีประกาศออกมาแล้วสำหรับช่วงเวลาเคอร์ฟิวที่ห้ามออกจากบ้านตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึงตี 4 แน่นอนว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เรียกว่าเปรียบเสมือนการดับไฟโลกอีกใบของเราเลยก็ว่าได้ สำหรับสายสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูงยามราตรีอย่างเรา ๆ ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการใช้ชีวิตกันสักเล็กน้อย เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข และปลอดภัยต่อเชื้อไวรัสCOVID-19 เริ่มกันที่ช่วงเวลาของการวางแผนเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค และบริโภค เราจำเป็นจะต้องวางแผนการซื้อสินค้าที่คุ้มค่ามากที่สุด และต้องมีคุณภาพในการเก็บรักษาที่ดีที่สุด โดยเบื้องต้นนั้นเราจะคำนวณออกมาเป็นแบบรายเดือนค่ะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสินค้าในประเภทของอาหาร หรือของใช้ส่วนตัวก็ต้องคำนึงด้วยว่าจะเพียงพอต่อการใช้ในช่วงระยะเวลานี้หรือไม่? และสิ่งสำคัญที่สุดที่เราจำเป็นต้องมีติดบ้าน นั้นคือยาสามัญประจำบ้านนั้นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ยาแก้ปวดหัว หรือแม้แต่ยาแก้ท้องอืดก็ตาม เพราะในช่วงเวลาหลังเคอร์ฟิวแล้วนั้น เป็นไปได้ยากมากที่เราจะเดินออกไปซื้อยาเหล่านี้ เพราะทุกร้านค้าก็ต้องร่วมมือกับการประกาศเคอร์ฟิวของรัฐบาลด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งการคำนวนณงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าแบบรายเดือนก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเราจะซื้อเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งนั้นเป็นการใช้เงินแบบไม่วางแผนที่อาจจะส่งผลเสียตามมาในวันข้างหน้าก็ได้นะคะ ดังนั้นนอกจากเราจำเป็นที่จะต้องคำนวณงบประมาณที่จำกัดอย่างคุ้มค่ามากที่สุดกับสินค้าต่าง ๆ เราก็ควรจะกันเงินในส่วนของยามฉุกเฉินเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน เรียกว่าเป็นอีกการวางแผนทางด้านการเงินที่รัดกุมมากยิ่งขึ้นยังไงล่ะคะ แถมยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้ด้วยแล้ว การมีเงินสดเก็บเอาไว้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันนะคะ อีกสิ่งที่เราได้เรียนรู้มากขึ้นหลังจากการประกาศเคอร์ฟิว นั้นคือการจัดการเวลาในการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันนั้นเองค่ะ เพราะเรียกได้ว่าจากที่คิดจะไปไหนก็ไปทันที อีกทั้งบางครั้งก็ยังลืมดูเวลาอีกด้วย ซึ่งแตกต่างกับตอนนี้โดยสิ้นเชิงเลยทีเดียวค่ะ เดี๋ยวนี้เวลาคิดจะไปไหน หรือทำอะไร สิ่งแรกก็คือต้องก้มดูนาฬิกาก่อนเลยอันดับแรก ว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ ต้องใช้เวลาในการเดินทางมากน้อยแค่ไหน และจะกลับถึงที่พักทันเคอร์ฟิวหรือเปล่า เรียกว่าตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเข้านอน เราต้องบริหารเวลาให้พอเหมาะพอดีกับแต่ละสถานที่ที่เราจะไป เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด อย่างการไม่ทัน BTS ขบวนสุดท้าย ซึ่งอาจจะส่งผลให้เราเข้าบ้านหลังเคอร์ฟิวได้เลยนะคะ อีกหนึ่งสิ่งที่เราได้พบเจอในช่วงเวลาที่เราไม่สามารถออกนอกบ้านได้กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้น ก็เห็นจะเป็นความมีน้ำใจของเพื่อนข้างห้องในยามที่เราคับขันนี้แหละค่ะ ที่เรียกว่าเป็นความทรงจำหนึ่งในช่วงเคอร์ฟิวที่แสนประทับใจมากเลยทีเดียว ยอมรับเลยว่าในช่วงหลังประกาศเคอร์ฟิวนั้นเราได้มองเห็นโลกอีกมุมหนึ่งที่มีทั้งผู้คนต่างพากันช่วยเหลือบุคคลที่ด้อยกว่า และผู้คนที่เห็นตัวเองเป็นที่ตั้ง ซึ่งเราคิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะช่วยทำให้เราได้เรียนรู้ และเติบโตไปพร้อม ๆ กับปัญหาเหล่านี้ จนเรามีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งสำหรับเรื่องราวอื่น ๆ ต่อไปได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียนทั้งหมด