เย็นย่ำวันหนึ่งที่ตะวันกำลังจะลับแสง ฉันขับรถเข้ามาจอดที่บริเวณจอดรถของวัดกุฎีดาว จังหวัดอยุธยา วัดชื่อดังที่ใครๆ ต่างก็ร่ำลือถึงปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แต่น่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่ปิดเข้าเยี่ยมชมในเวลา 17.00 น. ทำให้ฉันพลาดการเที่ยววัดอาถรรพ์ชื่อดังแห่งนี้ แต่ในระหว่างนั้น ลุงแก่ๆ ที่ปั่นจักรยานผ่านมาโบกมือทักทายฉัน แล้วจอดจักรยานแล้วลงมาพูดคุยด้วย “ทำไมมาเย็นนักน่ะ ไม่ได้เข้าวัดกุฎีดาว ก็ไปลงไปดูวัดจักรวรรดิ์สิ เฮี้ยนไม่แพ้กัน ที่นี่มีครุฑเฝ้าอยู่ คนเก่าๆ เขาเคยเห็นกันทั้งนั้น อยู่ที่เจดีย์องค์ใหญ่เลย” คำพูดของลุง ทำให้ความตั้งใจที่จะเดินทางกลับ ก็เปลี่ยนใจเดินลงไปที่เจดีย์ที่เขาว่าเฮี้ยนทันที! วัดจักรวรรดิ์หรือวัดเจ้ามอญ (ตามเอกสารรายชื่อวัดอยุธยาตอนต้น) สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา ไม่มีประวัติว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่ได้ถูกบูรณะขึ้นในช่วงสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปคราวเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2310 ปัจจุบันนี้ วัดดังกล่าวได้รับการบูรณะขึ้นมาตามสภาพที่เหลืออยู่ จึงเห็นเพียงเจดีย์ประธาน เจดีย์ราย และรากฐานของโบสถ์ที่อยู่ติดริมถนน ฉันเดินเข้าไปทักษิณาวรรตรอบเจดีย์ประธาน ก็เห็นว่าโดยรอบของวัดมีการขุดคูน้ำไว้สามด้าน ส่วนที่เจดีย์อค์ประธานองค์ใหญ่ และเจดีย์รายองค์เล็ก มีร่องรอยของการขุดหาของเก่า ร่องรอยพวกนี้กระมังที่ลุงบอกว่า “เฮี้ยน! เพราะพวกขุดของเก่ามันถูกหลอก เขาไม่ให้! บางคนเอาไป ต้องเอามาคืน ไม่งั้นถึงตาย!” “เขา” ของลุง คือ พญาครุฑ จากเอกสารการขุดค้นและบูรณะของกรมศิลปากรบอกเราว่า โบสถ์ถูกสร้างอยู่บนฐานของวิหารเดิม ส่วนเจดีย์องค์ประธานที่เห็นอยู่ถูกพอกทับเจดีย์องค์เก่าที่สร้างขึ้นสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา การสร้างเจดีย์พอกทับหรือสวมทับเจดีย์เก่านี้เป็นความเชื่อในสมัยโบราณที่จะไม่รื้อทำลายเจดีย์เก่าแต่จะบูรณะด้วยการสร้างครอบ เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์ของผู้สร้างเดิมเอาไว้ เจดีย์หลายองค์ในจังหวัดอยุธยาหรือที่อื่นๆ ก็จะมีลักษณะเช่นนี้ และที่เรารู้จักกันดี ก็คือองค์พระปฐมเจดีย์ วัดจักรวรรดิ์มีพญาครุฑรักษาอยู่จริงหรือ? เป็นความสงสัยของฉันในขณะที่เดินทักษิณาวรรต เพราะสิ่งนี้เป็นแค่คำบอกเล่า จะสืบค้นไปที่ชื่อวัดเจ้ามอญ ก็ไม่แน่ชัดว่า คนมอญจะนับถือพญาครุฑ เพราะตามตำนานแล้ว มอญจะยอมรับนับถือพญาหงส์ อย่างไรก็ตาม ในตำนานพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดอายุพุทธศาสนาไว้เพียง 5000 ปี โดย มีภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา พุทธบริษัท จะขอรักษาพุทธศาสนาไป 2,500 ปี ส่วนเหล่าปวงเทพ เทวดา พระยม พระกาฬ จะขอรักษาพุทธศาสนาไป1,250 ปี และทางด้านเหล่าพญาครุฑ พญานาค ท้าวกุเวร และสรรพสัตว์ในป่าหิมพานต์ จะขอดูแลพุทธศาสนาไปอีก 1,250 ปี ดังนี้แล้ว พญาครุฑ จึงเป็นหนึ่งในผู้ที่จะรักษาพุทธศาสนา ไม่ต่างจากพญานาคที่เรารู้จักกันดี เสียแต่ว่าสภาพของวัดจักรวรรดิ์ ไม่หลงเหลือสิ่งใดๆ ที่เป็นรูปธรรมที่เกี่ยวกับพญาครุฑเลย พญาครุฑที่เฝ้าวัดจักรวรรดิ์ จึงมีแค่นามธรรมที่บอกเล่ากล่าวขานเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้เราได้รู้ว่า ไม่ว่าที่ใดก็ตาม ที่ถูกสร้างเพื่อสืบทอดพระศาสนานั้น ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดก็ตาม สำหรับใครที่ต้องการมาเที่ยวชมวัดจักรวรรดิ์แห่งนี้ เดินทางมาได้ง่ายๆ จากถนนสายเอซีย เข้าตัวเมืองอยุธยา เลี้ยวขวาที่วงเวียนวัดสามปลื้ม ขับมาประมาณกิโลเศษก็จะเห็นป้ายบอกทางแยกเข้าวัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งบริวณทางแยกนั้น มีวัดวัดกุฎีดาวอยู่ซ้ายมือ และวัดจักรวรรดิ์อยู่ขวามือ การมาเที่ยวชมวัดนี้ หากไม่รวมถึงคำบอกเล่าเรื่องราว "พญาครุฑ" แล้ว ซากเจดีย์ที่เหลืออยู่ ทั้งเจดีย์ประธาน และเจดีย์ราย ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาและเที่ยวชมอย่างยิ่ง เพราะเจดีย์เหล่านี้ถูกบูรณะมาหลายยุคหลายสมัย วัดแห่งนี้ จึงเป็นแหล่รวมของศิลปกรรม 3 ยุค คือ ยุคต้นกรุงศรีอยุธยา (เจดีย์รายทรงกลมมุมตะวันออกเฉียงเหนือ) ยุคกลางกรุงศรีอยุธยา (เจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม) และยุคปลายกรุงศรีอยุธยา( เจดีย์ประธาน ) แต่ขอบอกว่าอย่าหยิบสิ่งใดออกไป แม้กระทั่งเศษอิฐกร่อนเก่าที่ทำหน้าที่บอกเรื่องราวของยุคสมัย เพราะบางที “เขา” อาจจะตามคุณไปก็ได้!