สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในบ้านเรา ยังมีโอกาสกลับมาแผลงฤทธิ์กันอีกนะคะ ช่วงนี้อากาศแห้งขึ้น เพราะเข้าสู่ฤดูหนาว แม้อากาศจะไม่ได้หนาวเย็นสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ฝุ่นเริ่มก่อตัวให้เรารู้สึกได้ คุณผู้อ่านคงจำกันได้ว่าช่วงปี 2561 พื้นที่ในกรุงเทพฯ ทุกเขต ไม่เว้นแม้แต่เขตเดียว และบางพื้นที่ของตัวเมืองตามต่างจังหวัด มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน แทบทุกพื้นที่มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งเป็นระดับที่เริ่มเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และมีหลายพื้นที่อยู่ในระดับสีแดง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพค่ะ ค่าดัชนีคุณภาพอากาศส่งสัญญาณเตือนให้เราต้องเร่งปรับเปลี่ยนกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง เพื่อลดแหล่งกำเนิดของฝุ่น ในช่วงที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด มีการล็อคดาวน์ประเทศ หยุดการเคลื่อนที่ของผู้คน สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ก็เงียบหายไป แต่ตอนนี้เปิดประเทศ ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติกัน โรงงานอุตสาหกรรมเริ่มเปิดการผลิตอีกครั้ง มีการขับขี่รถยนต์ส่วนตัวกันตามปกติ มีสภาพรถติดให้เห็น ฝุ่นก็เริ่มกลับมาอีกค่ะ เมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา ฉันเองเดินอยู่แถว ๆ ริมถนนของฝั่งธนบุรี ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น เป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืด มืดมากจนผิดปกติ แบบการมองเห็นแทบจะมองฝ่าความมืดเลยทีเดียว ฉันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็เจอกับฟ้าแลบที่มีสีอมส้ม มีทิศทางไม่ใช่จากฟ้าสู่พื้นดิน แต่วิ่งขนานกับพื้นดิน คือเหมือนจะเกิดจากเมฆก้อนหนึ่ง แลบเข้าหาเมฆอีกก้อนหนึ่ง รูปร่างเป็น 3 ง่าม ปรากฏให้เห็นอยู่ประมาณ 3 วินาทีเห็นจะได้ แปลกมากค่ะ ในชีวิตไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ลองกลับบ้านมาเปิดเน็ตค้นดู ก็พบว่าการเกิดฟ้าแลบลักษณะนี้ เกิดจากสภาพบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ แบบมีมลพิษสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศนั่นเอง น่ากังวลนะคะ เพราะธรรมชาติเมื่อแปรปรวนไปแล้ว มนุษย์เราจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย จะมีก็แต่รอรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น นอกจากการขับขี่รถยนต์ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล ที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง และก่อฝุ่นควันไอเสียแล้ว จากข้อมูลยังมีเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ที่จะปล่อยสารกลุ่มซัลเฟอร์หรือกลุ่มไนโตรเจน และแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้เกิดการก่อตัวของ PM 2.5 อีกด้วยค่ะ หากว่าเราไม่สามารถลดปัจจัยสนับสนุนการเกิดฝุ่น PM 2.5 เหล่านี้ โอกาสที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะกลับมาก่อปัญหาให้ชาวโลกก็ยังมีอีกอย่างแน่นอน ฝุ่น PM 2.5 นี่น่ากลัวเพราะอย่างนี้ค่ะ เจ้าฝุ่นนี้มันมีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ถ้าจะเปรียบเทียบก็ลองจับเอาเส้นผมมนุษย์มาแบ่งเส้นผ่านศูนย์กลางออกเป็น 25 ส่วน เจ้าฝุ่นนี่มีขนาดเล็กกว่า 1 ส่วนเสียอีกค่ะ มันถึงได้สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เข้าสู่ถุงลมในปอด และกระแสเลือดของเราได้โดยตรง จึงส่งผลร้ายต่อกระบวนการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังอีกด้วยค่ะ รถยนต์เครื่องเบนซินในบ้านเรา กว่าจะเปลี่ยนเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบพลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน คงต้องใช้ระยะเวลาอีกเป็น 10 ปีค่ะ คือจนกว่ารถยนต์รุ่นที่ซื้อรุ่นนี้จะเก่า จนเลิกใช้งานไปเอง คนถึงหันมาลงทุนในรถยนต์คันใหม่ ซึ่ง ณ เวลานั้นคงมีรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ออกมาจำหน่ายกันหลายยี่ห้อ แล้วการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ อย่างเป็นเหตุเป็นผล จะสั่งบังคับให้คนเลิกใช้รถยนต์ที่เพิ่งซื้อเมื่อเร็ว ๆ นี้คงไม่ได้ เพราะกว่าจะได้รถคันใหม่มาขับ ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรงไม่ใช่น้อย ๆ พอได้มาก็ต้องใช้งานให้คุ้มค่า เป็นความจริงทั่วไปค่ะ แต่เราคงต้องหันมาขับขี่รถยนต์เท่าที่จำเป็นมากขึ้น การทำงานแบบ Work From Home หรือ Work @Home การชอปออนไลน์ พวกบริการ Lineman, Grab Food, Food Panda, Gojek พวกนี้ช่วยลดการเดินทางของผู้คนได้มากระดับหนึ่ง ความสะดวก รวดเร็ว และประหยัด เป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการลดการเดินทางของผู้คนได้เป็นอย่างดีค่ะ ถึงแม้เราจะต้องอยู่คู่กับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 กันอยู่ แต่ฉันเชื่อว่าคงจะไม่รุ่นแรงเท่าสถานการณ์เมื่อครั้งที่ผ่านมา ถ้าทั้งประเทศและทั้งโลกออนไลน์ให้ความสำคัญกันมากขึ้น แต่ถ้าหากพื้นที่ไหนมีสีส้ม สีแดง ก็ยังมีหน้ากากเป็นตัวช่วย ถ้าเป็นหน้ากากอนามัยก็ยังป้องกันฝุ่นได้ 40% นะคะ ถ้าจะให้ป้องกันได้มากขึ้นก็ใช้หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะ มีติดตัวไว้ ช่วยได้ระดับหนึ่งค่ะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ เครดิตภาพ : ภาพปกจากpixabay / รูปภาพประกอบที่1 pixabay / รูปภาพประกอบที่ 2 pixabay / รูปภาพประกอบที่ 3 pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !