ใครที่ชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ก็คงจะเข้าใจกันดีว่ายุค Greatest depression คืออะไร หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ประเทศฝั่งยุโรปเจอวิกฤติเศรษฐกิจทั้งข้าวของที่แพงขึ้น รายรับที่น้อยลง คนตกงานจนต้องยอมขายลูกตัวเองเพื่อแลกกับของกินไม่กี่อย่างเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดไปอีกวันหนึ่ง นับว่าเป็นยุคที่แย่ที่สุดของผู้คนสมัยนั้นกันเลยทีเดียวในยุค 1929 แล้วเริ่มแผ่ไปถึงนานาประเทศจนปี 1930 ต้นๆ แล้วทุกคนรู้มั้ยล่ะคะ ว่าทุกคนทำอาชีพอะไรเพื่อความอยู่รอดเพราะเศรษฐกิจที่ไม่ดี บริษัทิล้มละลาย องค์กรไปต่อไม่ได้ คนตกงานกันเยอะและงานที่เหลืออยู่ก็เป็นงานเล็กๆน้อยๆที่ผู้คนสมัยนั้นเชื่อว่าเป็นงานของผู้หญิง เช่น งานทำความสะอาดบ้าน งานกวาดฝุ่น งานต้อนรับแขก ไปจนถึงงานเสิร์ฟ ทำให้เหล่าสุภาพบุรุษหรือผู้ชายที่ไม่อยากเสียหน้า ไม่อยากเสียศักดิ์ศรี ไม่กล้าออกจากบ้านไปสมัครงาน ภาระความรับผิดชอบทั้งหมดจึงตกเป็นหน้าที่ของแม่บ้านหรือผู้หญิง จนรัฐบาลสมัยนั้นต้องรณรงค์ให้มีการแปะภาพโปสเตอร์ผู้ชายเปลือยอกหรือเปลือยท่อนบนตามฝาผนังบ้านเพื่อเป็นสร้างความฮึกเหิมให้ผู้ชายกล้าออกจากบ้านมาสมัครงาน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ การถอดเสื้อท่อนบนออกเพื่อโชว์หุ่นของผู้ชายนั้นถือเป็นเรื่องไม่สุภาพและไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และยุคนี้เองซึ่งเป็นยุคที่คนกล้าแต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังกันมากขึ้น ขาเอี๊ยมได้รับความนิยมมากขึ้นในแฟชันเสื้อผ้าผู้ชาย และไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่กล้าโชว์เนื้อหนังเพราะผู้หญิงก็ได้รับอิทธิพลจากเรื่องนี้ด้วยเพราะผู้หญิงกล้าแต่งตัวโชว์สะดือมากขึ้น จนเกิดเป็นสมาคมนู้ดขึ้นมา ซึ่งสมาคมนี้ก็มีการจัดตั้ง ประชุม และจัดตั้งกันมาเป็นปีๆอย่างเป็นการเป็นงานเลยและกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดที่คนยุคนั้นชอบทำก็คือการดูเกมกีฬา หรือการเต้นรำ ซึ่งการเต้นแบบ Jazz หรือว่า Swing dance ซึ่งหากไปดูหนังยุคเก่าๆที่เป็นแผ่นขาวดำมักจะมีผู้ชายใส่เอี๊ยมและผู้หญิงใส่กระโปรงบานๆเต้นรำด้วยกันแบบเนื้อแนบเนื้อ เพื่อผ่อนคลายความเครียด และเกมกีฬาที่คนยุคนั้นชอบดูก็คือการแข่งขันเบสบอล เพื่อที่จะสร้างความบันเทิง ความตื่นเต้น ความสนุกเพื่อที่จะได้เบี่ยงเบนความสนใจจากโลกแห่งความเป็นจริงไปได้ชั่วขณะ และถุงยางหรือการคุมกำเนิดก็ได้รับความนิยมในยุคนี้เช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องปกติในยุคปัจจุบันไปแล้ว ในยุคนั้น การมีอะไรกันก่อนแต่งงาน ถือเป็นเรื่องที่เสื่อมเกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี และทำให้ครอบครัววงศ์ตระกูลอับอาย เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติและรับไม่ได้ในสังคมเลยแต่เพราะความอดอยากที่เกิดขึ้นในยุคนี้ จากเรื่องที่ถูกมองว่าไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่ก็ได้เตือนให้ลูกหลานตัวเองพกถุงยางหรือระวังเรื่องการมีเด็ก เพราะว่าลำพังตัวเองแค่หาเงินเลี้ยงปากท้องก็ลำบากมาก ขืนมีลูกหลานเพิ่มขึ้นในบ้าน ค่าใช้จ่ายต้องไม่ไหวแน่ๆ ซึ่งอัตราเด็กที่เกิดมาในยุคนี้นั้นมีน้อยกว่าเดิมค่ะ จากเดิมที่ครอบครัวบ้านหลังหนึ่งต้องมีลูกสามคนขึ้นไปหรือห้าคนขึ้นไปก็เปลี่ยนมาเป็นคนเดียวหรือสองคนแทน ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canvaรูปภาพประกอบที่ 1 โดย LiteraryTitan / 2 โดย marinacath / 3 โดย Bessi / Pixabay