สุขภาพผิวที่ดี ก็อาจมีชัยไปกว่าครึ่ง...หากเปรียบผิวสวยได้ดั่งเช่น “อาภรณ์เนื้อดี” สักผืน ที่ถูกถักทอและสานต่อขึ้น คงไม่ต่างอะไรเลย กับเซลล์ผิวหนังที่เรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบ เพื่อมาปกคลุมร่างกายของเรา และหากผิวพรรณของคุณได้รับการดูแล ทะนุถนอมเป็นอย่างดี ก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่คุณได้สวมใส่เสื้อผ้า “Brandname” ที่ทั้งดูดี มีออร่า ราคาแสนแพงนั้น!...เพราะผิวไม่อาจพูดได้ แต่มันอาจสัมผัสได้ ผิวเป็นสิ่งสำคัญที่คุณสามารถบอกให้ทุก ๆ สายตาได้รับรู้ว่า “คุณมีสุขภาพผิวที่ดี” เรามารู้จักกับความเปลี่ยนแปลง และความแตกต่างในแต่ละช่วงวัยของอายุผิว ถ้าผิวคุณพูดได้ คงอยากจะบอกอะไรกับคุณมากกว่านี้ก็เป็นได้นะครับ ใครจะรู้ครับว่า “ผิว..ยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกอายุคุณ” ได้เช่นกัน หากมองกลับกัน เสื้อผ้าถึงจะราคาแพงแค่ไหน แต่ถ้าเราปล่อยปละ..ละเลย ไม่ใส่ใจดูแลและหมั่นทำความสะอาดเสียเลย เสื้อผ้าชุดนั้น..ก็อาจดูหมองคล้ำ และคลาคล่ำไปด้วย คราบไคล! ที่ไม่น่าสวมใส่ เราก็คงต้องพับเก็บมันไว้ในตู้เสื้อผ้า เพราะขาดความไม่มั่นใจไปซะแล้ว! ก็คงน่าเสียดายนะครับ เพราะเรื่องผิวพรรณ ถือเป็นสุขลักษณะอนามัยสำคัญอันดับแรก ที่คุณ หรือใครก็ไม่อาจละเลยสิ่งนี้ได้ครับ การเฉลี่ยช่วงอายุในแต่ละวัย ที่มีปัญหาผิวพรรณ และควรให้ความสำคัญกันนะครับ ช่วงผิวในวัยเด็กแรกเกิด จนถึงอายุประมาณ 3 - 12 ปี ผิวของเด็กในช่วงวัยแรกเกิดนั้น ผิวจะยังบอบบางมาก ๆ การดูแลค่อนข้างที่จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องสภาวะอากาศ เช่น ความร้อน แสงแดด และความชื้น เพราะเด็กเล็ก ๆ จำเป็นต้องถูกห่อหุ้ม และปกคลุมตลอดเวลา เช่น ผ้าอ้อม ก็อาจทำให้ผิวเด็กเกิดการระคายเคืองอยู่บ้าง ผิวในวัยนี้ยังค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อน และสดใสโดยธรรมชาติ เพราะผิวจะยังมีการสร้างชั้นเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง มีการเจริญเติบโต มีความยืดหยุ่น และกำลังขยายตัว จนอายุเข้าสู่ช่วงอายุ 2 - 4 ปี อายุผิวเด็กในช่วงนี้ เด็กอาจมีการเกิดบาดแผล เช่น รอยขีดข่วน รอยแกะ เกา จากการคลาน การวิ่งเล่น วิ่งซน หรือเกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ซื่งเป็นเรื่องปกติ แต่บาดแผล และรอยขีดข่วนนั้น จะเกิดการสมานกันและหายได้อย่างรวดเร็ว เพราะยังจะมีการสร้างเซลล์ และเนื้อเยื้ออย่างต่อเนื่องอยู่ ทำให้ผิวไม่ค่อยมีปัญหามากนัก หากไม่ได้เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ หรือโรคผิวหนัง หรือเซลล์ผิวหนังทำงานผิดปกติ เราอาจเคยได้ยินคำว่า “เบบี้เฟส” กันอยู่บ้างนะครับ จริง ๆ แล้ว คือขบวนการเป็นการผลัดเซลล์ผิวแบบธรรมชาติ ตามช่วงอายุนี้จะใช้เวลา 7-14 วัน ในการผลัดผิวใหม่ ผิวในช่วงวัยนี้ จึงมีการซ่อมแซมผิวหนังที่รวดเร็วกว่า ช่วงอายุวัยที่สูงขึ้นครับ ช่วงผิวในวัยรุ่น อายุผิวประมาณ 13 - 22 ปี (วัยเด็ก เริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่น) อายุผิวในช่วงนี้ ผิวอาจต้องการ การดูแลแบบปฐมครับ ยังไม่ต้องหาครีมที่มีราคาแพงมาก แต่ให้คอยดูแล และควบคุมปรับความสมดุลของผิว เพราะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศมากขึ้น ทั้งเพศหญิง และเพศชาย เช่น การเริ่มมีกลิ่นกาย และเริ่มมีประจำเดือน แต่ปัญหาหลัก “ยอดฮิตของวัยรุ่น” คือการเป็น "สิว" และสิวที่เกิดจากผลิตฮอร์โมนที่อาจจะมีมากเกินไป ทำให้เกิดสิวที่ไม่สามารถควบคุมได้ ในช่วงอายุวัยนี้ ปัญหาผิว คืออาจเกิดสิวในที่ซ้ำ ๆ บริเวณที่เดิม ๆ ทำให้เกิดรอยสิว และเป็นรอยแผล หรือหลุมสิวที่ผิวหน้า และผิวกาย ตามมาได้ ซึ่งผิวในช่วงนี้ก็ยังมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้ดีอยู่ “คือเป็นช่วงอายุผิวที่ดีที่สุด” ก็ว่าได้ครับ แนะนำให้หมั่นรักษาความสะอาดทั้งผิวหน้า และผิวกายควบคู่ไปด้วย เป็นการเริ่มต้นปูพื้นฐานในการดูแลผิว เตรียมพร้อมเพื่อการดูแลอย่างต่อเนื่อง ผิวในช่วงอายุนี้ ยังมีความสามารถเก็บกักความชุ่มชื้น และมีความยืดหยุ่น ผิวยังมีความแข็งแรง สดใส เคล็ดลับสำคัญในช่วงอายุวัยนี้ ถ้าคุณสามารถดูแลรักษาคุณภาพผิวในช่วงวัยนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีปัญหา เมื่อคุณเข้าสู่วัย 30 ปี รับรองว่า คนทายอายุคุณไม่ถูกแน่นอนครับ อายุผิวในช่วงประมาณ 23 - 40 ปี (วัยทำงาน) อายุผิวในช่วงวัยนี้ เริ่มจะต้องการ การดูแล และการปกป้องมากขึ้นนะครับ เพราะช่วงวัยนี้ เป็นช่วงวัยที่เริ่มมีการใช้เครื่องสำอาง และเครื่องประทินผิวที่หลายรูปแบบ เช่น ครีมกันแดด โฟมล้างหน้า เซรั่ม วิตามิน อาหารเสริม ที่อาจมีส่วนผสมจากสารเคมี และจากสารบำรุงต่าง ๆ อาจก่อให้เกิดการสะสมอย่างต่อเนื่องกับผิว ส่งผลให้บางครั้งอาจมีปัญหาของผิวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนวัย เช่น ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแผลเป็น แต่ช่วงอายุวัยนี้ ปัญหาเรื่องการเกิดสิวจะเบาบางลงครับ แต่อาการ การแพ้เครื่องสำอางก็อาจจะมีตามมา แต่การกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวยังดีอยู่ สำหรับบางคน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว แต่จะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ และปัญหาสำคัญที่ตามมาในวัยทำงานนี้อีกอย่างคือ ความเครียดจากการทำงาน เช่น การทำงานหนัก การพักผ่อนน้อย การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การเที่ยว การดื่มสังสรรค์ และจากมลภาวะจากสภาพแวดล้อม และอีกหลายปัจจัยที่ต้องเผชิญในแต่ละวันของการทำงานของคุณครับ อายุผิวในช่วงประมาณ 40 - 50 ปี (วัยกลางคน) ในช่วงวัยนี้ เริ่มที่จะข้าสู่วัยเลข 4 ถือเป็นการเตรียมตัวที่ดี เพื่อเข้าสู่วัยใกล้หมดประจำเดือน ที่อายุ 48 - 50 ปี ขึ้นไป ซึ่งจะแตกต่างจากช่วงวัยรุ่น คือจะย่างเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และเข้าสู่โหมด "ปฐมวัยทอง" ผิวช่วงอายุนี้ เราจะเห็นปัญหา และการเปลี่ยนแปลงได้ว่า การจัดเรียงของเซลล์ผิวลดลง ผิวเริ่มไม่เนียนเรียบ มีทั้งส่วนขาด และส่วนที่เกิน มีปัญหาทางด้านริ้วรอยเริ่มชัดเจนขึ้น เราจะสังเกตได้จากบริเวณใบหน้า ในส่วนที่มีการแสดงสีหน้า และอารมณ์ เช่น หน้าผาก ร่องแก้ม ใต้ตา ริ้วรอยตีนกา ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริมฝีปากแห้ง ความชุ่มชื้นทั้งหลายจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด การหย่อนคล้อย และทรวดทรงที่อาจขยับขยายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เมื่ออายุผิวคุณถึงช่วงในวัยนี้แล้ว ผิวต้องการ การบำรุง ดูแล และการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นพิเศษไปด้วยพร้อม ๆ กัน คุณอาจจะต้องมีตัวช่วย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้น และมีประสิทธิภาพสูงสักหน่อย ในการดูแลผิวของคุณในช่วงวัยนี้ และอาจต้องการ การดูแลเฉพาะจุดมากขึ้น ซึ่งก็มีผลิตภัณฑ์มากมายให้คุณเลือก ตามความเหมาะสมกับผิวของคุณในช่วงวัยนี้นะครับ หรือมีที่ปรึกษาทางด้านความงามเฉพาะทาง แต่ถ้าใครจะใช้วิธีลัด “บินไปเที่ยวเกาหลี” อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานะ และสภาพคล่องในกระเป๋าของแต่ละท่านคับ ก็ถือว่าไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดนะครับ อายุผิวในช่วงประมาณ 50 - 60 ปี ขึ้นไป (เริ่มเข้าสู่ วัยผู้สูงอายุ ย่างเข้าสู่วัยเกษียณ) อายุผิวในช่วงวัยนี้ คงต้องนับย้อนกันหลาย ๆ รอบ ของช่วงอายุ ที่เคยมีมาเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น แต่จะสลับกัน คือ ทุกอย่างเริ่มจะลดลงเรื่อย ๆ ปัญหาทั้งหมดที่อยู่วัยเลข 4 ก็จะมาสมทบ และพร้อมส่งต่อในช่วงอายุในวัยเลข 5 คือ ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป จะขึ้น ๆ ลง ๆ กลายเป็นสรรพนามที่ฟังดูแล้ว ออกจะมั่นคง และมั่งคั่ง ว่า “วัยทอง” ต่อมไขมันที่ทำงานอยู่ใต้ชั้นผิวหนังที่เคยให้ความชุ่มชื้นก็จะลดลง ผิวหนังจะเริ่มเปลี่ยนสี และอาจดูคล้ำขึ้นหรือจางลง เพราะเม็ดสีหรือเมลานิน เกิดการเรียงตัวไม่ปกติ จากแค่ผิวหน้า ก็มาเพิ่มเติมที่ผิวกาย เกิดเป็นจุดเล็ก ๆ สีอ่อน-แก่ สลับกันไป สีผิวก็อาจจะไม่เรียบเนียน แลดูไม่สม่ำเสมอ ชั้นเซลล์ผิวหนังก็เริ่มที่จะหย่อนคล้อย ไม่มีการยืดหยุ่น และมีอาการทางโรคผิวหนังเพิ่มขึ้น เช่น เกิดอาการผิวหนังแห้งชั้นบนลอก เป็นขุย และอาจมีอาการคัน เพราะผิวขาดน้ำหล่อเลี้ยง ไม่มีความชุ่มชื้นใต้ผิวหนัง เส้นผมเริ่มร่วง และบางลง เล็บมือเปราะบาง และมาพร้อมกับความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ตามร่างกาย เช่น เข่าเสื่อม กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระดับสายตาที่ลดลง หรือเพิ่มมากขึ้น ภูมิคุ้มกันในร่างกายอาจเริ่มลดลง หากเกิดบาดแผลที่บริเวณผิวหนัง บาดแผลนั้นก็จะเริ่มที่จะหายช้า อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือน มักเกิดมีรอยช้ำเกิดขึ้นเป็นจุด การผลัดเซลล์ผิวก็จะใช้เวลานานขึ้นกว่าปกติ ซึ่งจากปกติ 28 วัน ก็อาจใช้เวลายาวนานมากกว่านั้นครับ ผิวของคนช่วงวัยนี้ สังเกตุได้ว่าผิวจะมีความหนา และหยาบกระด้างมากขึ้นเมื่อได้สัมผัสครับ คุณจะเริ่มเห็นถึงการเปรียบเทียบ และการเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับอายุ ในแต่ละช่วงวัย และอายุผิวของคุณแล้วนะครับ การที่เราจะหยุดตัวเลขอายุเอาไว้ เพื่อชะลอวัยไม่ให้ล้ำหน้ามากกว่าอายุจริง ๆ แล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ เราควรจะต้องเริ่มต้นดูแลตัวคุณเองอย่างไร เพราะตัวเลขที่เคลื่อนที่ไปไม่หยุด..ก็อาจไม่สำคัญเลย ถ้าคุณนั้นได้เริ่มวางแผนให้กับตัวเอง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีหลังเกษียณ และดูแลสุขภาพจิตใจ ควบคู่กันไปด้วยครับ ภาพปกจาก: https://pixabay.com รูปภาพจาก: https://pixabay.com รูปภาพจาก: https://pixabay.com รูปภาพจาก: https://pixabay.com รูปภาพจาก: https://pixabay.com รูปภาพจาก: https://pixabay.com