ผักชายา หรือชื่อเรียกอื่น ไชยา คะน้าเม็กซิโก คะน้าเม็กซิกัน ผักโขมต้น ต้นผงชูรส มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cnidoscolus chayamansa เป็นพืชในวงศ์ EUPHORBIACEAE เช่นเดียวกับมันสำปะหลัง ยางพารา ฝิ่นต้น หนุมานนั่งแท่น สลัดได และสบู่ดำ ผักชายาไม่ใช่พืชท้องถิ่นของประเทศไทย แต่เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของประเทศเม็กซิโก เป็นไม้พุ่ม มีความสูงของลำต้นประมาณ 2-6 เมตร ขอบใบแยกออกเป็น 3-4 แฉก ดอกมีสีขาว ออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่ง ขยายพันธุ์ง่าย หักกิ่งเสียบ หรือนำท่อนแก่มาสับเป็นท่อนเสียบชำไว้ในถุงหรือกระถางหรือลงดินไว้ ไม่ชอบดินแฉะ หากดินแฉะตรงบริเวณปลายท่อนที่เสียบลงดินจะเน่า ศัตรูสำคัญจากประสบการณ์ในการปลูก คือ "เพลี้ย" วิธีจัดการก็หักส่วนที่มีเพลี้ยออก ดูแลบำรุงต้นนิดหน่อย ก็แตกใบ ออกพุ่มสวย ประโยชน์ของผักชายา เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ใบผักชายา 100 ก. ประกอบด้วย น้ำ 85.3%, คาร์โบไฮเดรตรวม 4.2%, โปรตีน 5.7%, ไขมัน 0.4%, ใยอาหาร 1.9% มีแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม 199.4 มก., โพแทสเซียม 217.2 มก., ฟอสฟอรัส 39.0 มก., เหล็ก 11.4 มก. มีวิตามิน เช่น วิตามินซี 164.7 มก. และวิตามินเอ 0.085 มก. นอกจากนี้ยังมีการรายงานว่าผักชายาเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าผักใบเขียวอื่นๆ 2-3 เท่า ผักชายาส่วนที่นำมารับประทานคือใบและยอดอ่อน รสชาติคล้ายกับคะน้า หลังจากเด็ดยอดอ่อนมา ให้นำมาปอกเปลือก ตัดใบ แล้วแยกก้านใบเช่นเดียวกับผักคะน้าหรือผักทั่วๆ ไป นำมาทำเมนูได้หลากหลาย อาทิ ผักชายาผัดน้ำมันหอย ไข่เจียวผักชายา ผักชายาผัดไข่ แกงส้มปลาช่อนผักชายา ราดหน้าผักชายา ผัดซีอิ้วผักชายา ผัดเผ็ดเนื้อใส่ผักชายา ผัดผักชายาเต้าหู้กรอบ ลวกทำยำหรือจิ้มกับน้ำพริก ผัดน้ำมันจิ้มน้ำพริก ฯลฯ มีข้อพึงระวังอยู่นิด เนื่องจากใบและยอดของผักชายามีสารพิษในกลุ่มไฮโดรไซยานิก ไกลโคไซด์ (hydrocyanic glycosides) ซึ่งสารดังกล่าวสามารถถูกทำลายได้ด้วยความร้อน ดังนั้นก่อนรับประทานทุกครั้ง ควรทำให้สุกโดยการผ่านความร้อนอย่างน้อย 15-20 นาที และไม่แนะนำให้รับประทานแบบดิบ นอกจากจะนำผักชายามาปรุงสุกกันแล้วยังสามารถนำมาแปรรูป ทำผงผักชายา ผักชายาคั่วปรุงรส ชาผักชายา เพื่อให้สะดวกในการรับประทาน ทราบคุณค่าทางอาหารของผักชายากันแล้ว หามาปลูกไว้ที่บ้านสักต้นสองต้นนะคะ ท่านใดอยู่คอนโดหรืออาคารที่ไม่มีที่ดิน สามารถปลูกใส่กระถางได้นะคะ ที่มา: เวบไซต์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล