หลังจากคนไทยมีความมั่นใจมากว่าเชื้อโควิด 19 ไม่ระบาดในประเทศไทยจนคลายความกังวลกันไปได้สักพักใหญ่ แต่เบาใจได้ไม่เท่าไหร่ก็สร้างความโกลาหลกันอีกครั้ง เมื่อเชื้อไวรัสร้ายหันมามุ่งเล่นงานในเด็กเล็ก คราวนี้เป็นเชื้อไวรัส RSV ซึ่งมักเป็นกับเด็กเล็ก ร่างกายเด็กเล็กมีความต้านทานต่อโรคน้อย ช่วงนี้เป็นฤดูฝนอากาศชื้น เป็นช่วงที่เชื้อไวรัสแพร่ระบาดได้ง่าย ครอบครัวไหนลูกน้อยโชคร้ายติดเชื้อไวรัส RSV คงมีความประหวั่นพรั่นพรึงวิตกกังวล ไม่มีความปกติในการดำเนินชีวิตกันเลยนะคะ เพราะฟังดูแล้วน่ากลัวกว่าโควิด 19 ถ้าเด็กเล็กขนาด 2 ขวบต้องนอน ICU ใส่ท่อช่วยหายใจ ฉันเองก็รู้สึกตกใจ เมื่อมีรายงานข่าวจากโรงพยาบาลราชพฤกษ์ จ.ขอนแก่น ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบเด็กเล็กติดเชื้อไวรัส RSV จำนวนมากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชพฤกษ์ มีตั้งแต่อาการไม่มากจนถึงอาการหอบ บางคนถึงขั้นเข้า ICU ต้องนอนแอดมิดในโรงพยาบาลเกือบ 100 คน และยังมีข่าวพบว่าโรงพยาบาลทั่วประเทศก็มีผู้ป่วยเด็กเล็กเข้ารับการรักษาไข้หวัด หลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส RSV จนแน่นหลายโรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะตอนนี้ จะเรียกได้ว่าคราวนี้หนักกว่าโควิด 19 ก็เห็นจะได้ ทำไมเชื้อไวรัส RSV จึงน่ากลัวระดับโควิด หรือน่ากลัวกว่า ก็เพราะเชื้อไวรัส RSV นี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ท่อหลอดลมส่วนปลายบวม และผลิตเสมหะเยอะ ผู้ป่วยจะมีตั้งแต่อาการไม่มาก มีไข้ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก จนถึงขั้นมีอาการรุนแรง ตัวเขียว หายใจล้มเหลว ต้องให้ออกซิเจน หรือใส่ท่อช่วยหายใจใน ICU ผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี จึงต้องระมัดระวังคนกลุ่มนี้ให้มาก เชื้อไวรัส RSV แพร่ง่ายในช่วงอากาศชื้น มีชีวิตอยู่ได้ในอุณหภูมิห้องนานหลายชั่วโมง การป้องกันทำได้เหมือนการป้องกันโรคโควิด คือสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ เมื่อมีอาการไข้ ไอ หอบ ให้รีบพบแพทย์ และล็อคดาวน์ตัวเองเหมือนโควิด คือแยกตัวอยู่กับบ้าน รักษาระยะห่าง ไม่คลุกคลีกับผู้อื่น เชื้อไวรัส RSV ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเช่นเดียวกับโรคโควิด แพทย์ทำได้เพียงรักษาตามอาการ คือ พ่นยา ดูดเสมหะ ให้ออกซิเจน ให้สารน้ำ หรือยาลดไข้ ผู้ที่เคยเป็นแล้วเป็นอีกได้ ดังนั้นต้องระมัดระวังหากหนูน้อยมีประวัติเคยเป็นโรคนี้มาก่อน ขอถือโอกาสนี้นำเอาภาษาทางการแพทย์มาชี้แจงเพื่อให้เป็นที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งค่ะ เท่าที่ฉันทราบข้อมูลมา โรคติดเชื้อไวรัส RSV นี้จะมีอาการเด่นที่ทางการแพทย์เรียกอาการ 3S ค่ะ นั่นคือ Swelling Spasm Secretion ๐ Swelling ก็คือผู้ป่วยจะมีอาการหลอดลมบวมตีบแคบ หายใจหอบเหนื่อย ลมเข้าปอดได้แต่ออกลำบาก จึงพบการหายใจเร็วและแรง มีการใช้กล้ามเนื้อกระบังลมช่วยหายใจ ๐ Spasm หลอดลมไวและตีบได้ ไวต่อสิ่งกระตุ้น ๐ Secretion พบสารคัดหลั่งในหลอดลมมาก และอุดหลอดลม หายใจลำบาก ต้องดูดเสมหะช่วย บางรายรุนแรง มีตัวเขียว หายใจล้มเหลว ในกรณีนี้แหละค่ะที่ต้องให้ออกซิเจน หรือใส่ท่อช่วยหายใจใน ICU ถ้าคุณผู้อ่านพบว่าบุตรหลานหรือผู้สูงอายุในครอบครัว มีไข้ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ยิ่งมีอาการหนัก หอบเหนื่อย และหายใจมีเสียงหวีด หรือถึงขั้นหายใจเร็ว ให้รีบพบแพทย์โดยด่วนเลยนะคะ เพราะมีโอกาสเป็นอันตรายค่ะ หากออกซิเจนในร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์มาก ๆ ส่วนการดูแลเบื้องต้นสามารถทำได้โดยเช็ดตัวลดไข้ ดื่มน้ำบ่อย ๆ ไม่ให้ถูกอากาศเย็น ทานยาแก้แพ้ และยาละลายเสมหะค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้หนูน้อยปลอดภัยสู้กับเชื้อไวรัสร้าย RSV ตัวนี้ได้ทุกคนนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวค่ะ ด้วยความห่วงใย แล้วพบกันใหม่ค่ะ รูปปก ขอบคุณ sebagee ภาพประกอบ 1 / 2 / 3