ป๊อปคอร์น หรืออีกชื่อที่เรารู้จักกันว่า ข้าวโพดคั่ว จัดอยู่ในประเภทของอาหารขบเคี้ยวทานเล่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และมีแนวโน้มความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศอเมริกาเพราะมีราคาถูก ทุกวันนี้ชาวอเมริกันรับประทานป๊อปคอร์นโดยประมาน 1.2 พันล้านปอนด์ หรือประมาน 500 ล้านกิโลกรัม มากที่สุดในหมู่ประเภทอาหารขบเคี้ยวทานเล่นป๊อปคอร์น มีมานานผ่านหลายยุดสมัย มีการรับประทานป๊อปคอร์นมากนานกว่า 5,000 ปี โดยมีหลักฐานค้นพบป๊อปคอร์นที่เก่าแก่ที่สุดในนิวเม็กซิโก ป๊อปคอร์นในปัจจุบัน มีการนำมาวางจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการจำหน่ายที่บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ และตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ป๊อปคอร์นได้ถูกประยุกต์และคิดค้นปรุงแต่งหลากหลายรสชาติ และแปลกใหม่ออกมากอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสความนิยม ณ ช่วงเวลานั้น ๆ รสชาติที่ยังได้รับความนิยมอย่างสม่ำเสมอคือ รสดั่งเดิมและรสหวานการนำเมล็ดข้าวโพดไปคั่วกับความร้อน เมื่อความร้อนทำปฏิกิริยากับน้ำที่อยู่ในเมล็ดข้าวโพด ทำให้เกิดการแตกตัวของเมล็ดข้าวโพด หรือที่เรียกว่า ป๊อป ทำให้เกิดเป็นที่มาของคำว่า ป๊อปคอร์นภาพประกอบจาก pexels.comหลาย ๆ คนมักจะมองป๊อปคอร์นว่าเป็นเพียงของขบเคี้ยวทานเล่นที่มีแคลอรี่สูง มีไขมัน ทำให้เกิดภาวะโรคอ้วน หรือน้ำหนักเกิน แต่ถ้าหากเราลองมองเรื่องการรับประทานป๊อปคอร์นในปริมาณที่พอเหมาะ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเราอย่างแท้จริง เราจะพบว่าอันที่จริงแล้วป๊อปคอร์น หรือข้าโพดคั่วที่คุณ ๆ รู้จักนั้น ต่างอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่เป็นผลดีต่อร่างกาย ระบบขับถ่ายและระบบลำไส้ จริง ๆ แล้ว ป๊อปคอร์น ก็ไม่ต่างอะไรจากเมล็ดธัญพืช เพราะมันทำมากจากเมล็ดข้าวโพด ซึ่งจัดอยู่ในธัญพืชชนิดหนึ่งเหมือนกัน ป๊อปคอร์น มีส่วนประกอบที่ให้คุณค่าทางโภชนาการมีผลการศึกษาวิจัยมีการกล่างถึงการบริโภคธัญพืชว่า สามารถช่วยลดการอัตราการอับเสบและอัตราความเสี่ยงของโรคหัวใจ เมื่อเทียบปริมาณ ป๊อปคอร์น ในปริมาณ 100 กรัม หรือ 3.5 ออนซ์ เราจะผมว่ามีปริมาณของสารอาหารดั่งนี้วิตามินบี 1 (วิตามินบี): 7% ของ RDI วิตามินบี 3 (ไนอาซิน): 12% ของ RDIวิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน): 8% ของ RDIเหล็ก: 18% ของ RDIแมกนีเซียม: 36% ของ RDIฟอสฟอรัส: 36% ของ RDIโพแทสเซียม: 9% ของ RDIสังกะสี: 21% ของ RDIทองแดง: 13% ของ RDIแมงกานีส: 56% ของ RDIหมายเหตุ RDI คือ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันทั้งหมดนี้ในปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานแคลอรี่ทั้งหมด 387 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 13 กรัม คาร์โบไฮเครต 78 กรัม และไขมัน 5 กรัม แต่ที่น่าสนใจคือ ปริมาณป๊อปคอร์นใน 100 กรัม กลับให้ค่าโภชนาการทางด้านไฟเบอร์หรือกากใย ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อระบบการย่อยอาหารและระบบลำไส้ที่สูงถึง 15 กรัม ซึ่งถือว่าสูงที่สุดกับเหล่าธัญพืชหรืออาหารที่ให้คุณค่าไฟเบอร์ชนิดอื่น ๆ ในปริมาณที่เท่ากันภาพประกอบจาก pexels.comการบริโภคหรือรับประทานป๊อปคอร์น ที่ไม่ให้เกิดผลต่อสุขภาพนั้นควรจะบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน แต่อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การบริโภคป๊อปคอร์นและเกิดผลเสียต่อร่างกายคือ การปรุงผ่านคลื่นไมโครเวฟ หรือป๊อปคอร์นสำเร็จรูปที่ต้องปรุงผ่านเตาไมโครเวฟ เพราะบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านคลื่นไมโครเวฟด้จะมีสารเคมี เฟอร์ฟลูออโรออกทาโนอิกเอซิด หรือ PFOA ซึ่งสารเคมีเหล่านี้จะส่งผลกระทบเกี่ยวข้องต่อระบบสุขภาพของเรา ซึ่งผลศึกษาวิจัยว่าสารชนิดนี้เป็นส่วนประกอบของที่ส่งผลกระทบต่ออัณฑะ การเป็นหมัน และที่มากไปกว่านั้น อาจส่งผลต่อ ตับและตับอ่อน การเกิดมะเร็งตับ เรื่องของสมาธิสั้น น้ำหนักของเด็กแรกเกิดที่ต่ำผิดปกติ ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ป๊อปคอร์นสำเร็จรูปที่ปรุงผ่านเตาไมโครเวฟอาจมีสารไดอะซิติล ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบจากการปรุงแต่งเนยเทียม ซึ่งเป็นประเภทไขมันทรานส์ โดยมีผลการศึกษาวิจัยว่ามีความเกี่ยวข้องต่อการเพิ่มอัตราการเสี่ยงของโรคหัวใจ, โรคระบบทางเดินหายใจ ที่เกี่ยวข้องกับปอด, และโรคคอเลสเตอรอลหรือไขมันอุดตันหลอดเลือดภาพประกอบจาก unsplash.comการบริโภคป๊อปคอร์นหรือข้าวโพดคั่ว ที่คั่วจากเตาแบบสด ๆ ที่ไม่ใช่ในรูปแบบอาหารกึ่งสำเร็จรูป และการบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน จะส่งผลดีต่อร่างกายและสุขภาพของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ป๊อปคอร์นคั่วจากเตาสด ๆ จะมีสารโพลีนอลจำนวนมาก ซึ่งเป็นสารประกอบของพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แถมยังอุดมไปด้วยเส้นใยไฟเบอร์ที่ส่งผลดีต่อร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก เมื่อรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะต่อร่างกาย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถบริโภคป๊อปคอร์น หรือข้าวโพดคั่ว อย่างถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีความสุข