หลังจากที่ตื่นมาแล้ว ผมก็เดินออกไปตรงระเบียงเพื่อที่จะไปดูวิวตอนเช้า มืดสนิท 55555 ผมเลยกลับไปแต่งตัว เก็บของแล้วเตรียมลงไปข้างล่าง แล้วก็แวะไปดูวิวอีกรอบ คราวนี้พระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาบ้างแล้ว เลยได้รูปนี้มา ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาไปขึ้นเขา วันนี้ได้ไปขึ้นที่ยอดเขาจุงเฟรา เลื่องชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป การเดินทางต้องเดินทางโดยรถไฟ ทางทัวร์ได้ไปส่งกรุ๊ปผมลงที่สถานี Grindelwald รอรถไฟสักพัก แล้วก็ขึ้นไปที่สถานี Kleine Scheidegg ซึ่งระหว่างทางขึ้นไปก็จะมีวิวของเทือกเขาแอลป์สองฝั่ง ให้ผู้โดยสารทั้งหลาย (รวมถึงตัวผม) ได้ถ่ายรูป และเก็บภาพความทรงจำไว้ ป.ล. ผมไม่ได้เห็นหิมะมาตั้งแต่ 6 ขวบ เลยรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ 😅 พอถึงสถานี Kleine Scheidegg แล้ว ก็จะต้องเปลี่ยนรถไฟอีกขบวน เพื่อที่ขึ้นไปที่ยอดเขา นั่งรถไฟไปสักพัก ก็ขึ้นไปถึงสถานี Jungfraujoch เดินออกมาจากรถไฟแล้วจะมีเป็นพื้นที่คล้ายๆ Lobby ให้ลูกทัวร์รวมกลุ่มกัน มีร้านขายของฝาก ร้านอาหาร (ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย ;-;) และมีทางเดินออกไปด้านนอก ให้นักท่องเที่ยวออกไปสัมผัสอากาศหนาว + ความสวยงามรอบๆ ตัวเรา ภาพด้านบนเป็นวิวเทือกเขาแอลป์ ถ้ามองไปอีกฝั่งหนึ่งจะมองไปได้สุดลูกหูลูกตา ยิ่งท้องฟ้าเคลียร์ยิ่งมองเห็นไกล มองวิวรอบๆ สักพักก็แวะถ่ายรูปกับธงสวิทเซอร์แลนด์บนยอดเขา ธงนี้ถือว่าเป็นที่ที่ต้องมาถ่าย ถ้าไม่ถ่าย ก็เหมือนมาไม่ถึงยอดเขา หลังจากที่ขึ้นไปเดินสักพัก ผมก็ได้พบกับความจริงว่า... โคตรเหนื่อยเลยโว้ยยยยย 5555555 เมื่อขึ้นไปที่สูงๆ แบบยอดเขาแบบนี้ ออกซิเจนก็จะเบาบางลง ทำให้หายใจยากขึ้น ผมเดินไปไม่เท่าไรก็ต้องกลับเข้ามาข้างใน กลับมานั่งพักก่อน ก่อนที่จะเดินไปในถ้ำน้ำแข็งที่อยู่ใกล้ๆ ถ้ำนี้ เหมือนที่ชื่อบอกครับ เป็นน้ำแข็งล้วน (+ ราวเหล็กกับไฟนิดหน่อย 55555) มีรูปปั้นแกะสลักน้ำแข็งอยู่ประปราย ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูป หลังจากทานข้างเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟอีกรอบ คราวนี้ลงไปที่สถานี Lauterbrunnen เพราะรถบัสของกรุ๊ปผมไปรออยู่ที่นั่น ระหว่างทางลงก็มีวิวสวยๆ ให้ได้ชื่นชมกัน พอลงมาถึงสถานี Lauterbrunnen แล้ว ก็ได้พบเจออีกอย่างที่ผมค่อนข้างประหลาดใจ ว่าบ่าย 2 แล้ว ทำไมหมอกถึงหนาได้ขนาดนี้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าตอนเช้าจะหนาขนาดไหน ได้เวลาอันสมควร ก็เดินทางต่อไปเมืองลูเซิร์น เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ, และวัฒนธรรม ของภาคกลางของสวิทเซอร์แลนด์ First Impression ของผมกับเมืองนี้ มองไปรอบๆ ก็คล้ายๆ ซูริค แต่ว่ามีที่ท่องเที่ยวเยอะกว่า รถบัสผมไปส่งกรุ๊ปผมลงที่สาพานไม้ชาเปล หรือชื่อเยอรมันเรียกว่า "Kapellbrücke" สะพานที่อยู่มาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 แต่ว่าเกิดเหตุไฟไม้เมื่อปี 1993 ทำให้ต้องมาบูรณะใหม่เกือบทั้งหมด จนสะพานกลับมาอยู่ในสภาพอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ นอกจากนั้น รอบๆ สะพานก็มีตึกรามบ้านช่อง ให้ถ่ายรูปไปเพลินๆ ใกล้ๆ สะพานชาเพลก็มีถนนคนเดิน สำหรับสายช็อป มีตั้งแต่ของแบรนด์เนม จนไปถึงช็อคโกแลตและมาการอง (ซื้อไปกินสิครับ รออะไร 55555) เสร็จแล้วก็ได้เวลารวมกลุ่มอีกครั้ง เดินไปถ่ายรูปกับรูปปั้นสิงโตแกะสลักอยู่บนหน้าผา ก่อนที่จะไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีนแล้วเข้าโรงแรม (วิดิโอที่ไปขึ้นยอดเขามา ฝากไลค์ ฝากแชร์ด้วยนะครับ: https://www.youtube.com/watch?v=vWjVeKaAs44)