ท่ามกลางสมรภูมิลูกหนังที่ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดของศึกไทยลีก โดยในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าวงการลูกหนังประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และได้เห็นทีมชั้นนำของประเทศออกไปลุยศึกระดับทวีปมากมาย จนหลายทีมต่างเร่งฝีมือ ปั้นนักเตะ สร้างเทคนิค บริหารทีม แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อที่จะขึ้นมาเป็นแถวหน้าของวงการฟุตบอลไทย ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำทีมให้ขึ้นสู่แถวหน้าของประเทศนั้น ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล และนอกเหนือจากเงินแล้ว จำนวนแฟนบอลของแต่ละทีมก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเช่นกัน หากมีทีมฟุตบอล แต่ไม่มีคนเชียร์ มันคงไม่สมบูรณ์อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันนั้น ทีมที่ทุนน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีพลังใจน้อยลงแต่อย่างใด ที่ปลายด้ามขวานประเทศอย่างทีม ปัตตานี เอฟซี ก็เป็นอีกทีมหนึ่ง ที่มีแรงผลักดันจากผู้คนในพื้นที่ และมีความมุ่งมั่นอย่างสูงในการลุยศึกลูกหนัง ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2542 ได้เกิดโครงการโปรวินเชียลลีก ซึ่งเป็นโครงการลีกอาชีพนำร่อง ที่จัดขึ้นโดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยเชิญทีมจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เข้ามาแข่งขันกัน ซึ่งมีจุดประสงค์คือการส่งเสริมยกระดับลีกฟุตบอลของประเทศไทย ที่ยังไม่ได้จัดเป็นอาชีพเข้าสู่การเป็นอาชีพมากขึ้น และถือเป็นก้าวแรกของการพัฒนาฟุตบอลไทยลีก โดยมีระบบการแข่งขันที่ประกอบด้วยสิบสองสมาคมกีฬาจังหวัด แข่งขันแบบไม่มีการตกชั้น ซึ่งปัตตานีเป็นหนึ่งในสิบสองจังหวัดที่ได้รับเชิญเข้าร่วมแข่งขัน แต่น่าเสียดายที่ปัตตานีมีผลงานไม่ดี และรั้งท้าย แข่งยี่สิบสอง คว้าชัยได้แค่สองครั้ง เสมอสี่ครั้ง และแพ้สิบหกครั้ง และท้ายที่สุด ปัตตานีก็ขอออกจากโปรวินเชียลลีก ด้วยเหตุผลเรื่องงบประมาณ ทั้งที่ในอดีต ปัตตานีเอฟซี ก็เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโล่ห์พระราชทานภาคใต้มาถึงสามครั้งก็ตาม ผ่านไปสิบปี ลีกฟุตบอลพัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบและมีขั้นตอนมากขึ้น ลีกระดับภูมิภาคก็ได้รับผลจากตรงนี้ด้วย จึงทำให้ทุกจังหวัดสามารถเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่ต้องเล่นในรอบคัดเลือก ปัตตานีเอฟซี จึงได้กลับคืนสู่วงการลูกหนังอีกครั้ง โดย นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกสมาคมกีฬาจังหวัดปัตตานีในขณะนั้น ได้จัดการให้ ดร.สุกรี หะยีสาแม เข้ามาบริหารทีม และได้ นิแม นิเดฮะ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน กับงบประมาณทำทีมเพียงหกแสนบาท ถือว่าน้อยมากในการใช้บริหารทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง แต่ทุกปัญหา ย่อมมีทางแก้ เมื่อทีมได้รับการสนับสนุนจาก พญ.นิมี สุไลมาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะรังเข้ามาร่วมมือ ทำให้ทีมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยทุนที่จำกัดและมีไม่มาก แต่ด้วยการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ก็ทำให้ปัตตานีมีนักเตะต่างชาติเข้ามาค้าแข้งที่ถิ่นปลายด้ามขวานไทยเช่นกัน ซึ่งมีทั้งจาก แคเมอรูน, ไอวอรี โคสต์, ไนจีเรีย, ซีเรีย แม้กระทั่งชาวญี่ปุ่นอย่าง ยูได อิมูระ ก็เข้ามาร่วมทีมนี้ แม้ว่าปัตตานี เอฟซี จะยังอยู่ในไทยลีกสี่ ที่ถือว่าเป็นลีกระดับล่างมาก ๆ แต่การสนับสนุนจากแฟนบอล ก็ไม่ได้ด้อยตามลำดับลีก ยังคงมีแฟน ๆ จำนวนมากที่ยังเข้ามาชม มาเชียร์ทีมของจังหวัดตัวเอง ซึ่งในอดีตที่ปัตตานี เอฟซียังไม่ได้คืนวงการ แฟน ๆ ก็หันไปเชียร์ทีมเพื่อนบ้านอย่าง สงขลา, สตูล หรือ นราธิวาส แต่เมื่อทีมกลับคืนวงการ พวกเขาก็กลับมาเชียร์ทีมบ้านเกิดเมืองนอนอย่างล้นหลามอีกครั้ง ที่บ่งบอกถึงสายเลือดและจิตวิญญาณชาวลูกหนังได้อย่างชัดเจน และหวังว่าโมเดลการบริหารทีม จะเป็นตัวอย่างให้กับทีมเล็กทีมอื่น ๆ และช่วยให้จังหวัดมีการพัฒนาผ่านการกีฬา ดังที่รัฐบาลเคยชูนโยบาย กีฬาพัฒนาเมือง ขึ้นมา