ผลงานออกสตาร์ทแพ้ไปแล้วถึง 4 จาก 8 นัดใน ไทยลีก ฤดูกาลนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องปกติของทีมอย่าง บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่เป้าหมายถูกตั้งไว้อย่างชัดเจนว่าต้องจบฤดูกาลด้วยแชมป์เท่านั้น! อย่างอื่นถือว่าล้มเหลว ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ประเดประดังเข้ามาจนส่งผลให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเตรียมดึงตัวโค้ชผู้เคยสร้างผลงานยิ่งใหญ่ในอดีตอย่าง อเล็กซานเดร กาม่า เข้ามากอบกู้วิกฤตเป็นการด่วน แต่ปัญหาที่แท้จริงคืออะไรกันแน่? จะไม่ขอพูดถึงทำนองที่ว่านักเตะเล่นไม่ดี กองหน้าไม่คม คือมันก็เห็นอยู่แล้วล่ะว่าเล่นไม่ดี และคงอ่านจากที่อื่นกันมาจนเอียน แต่ไม่ค่อยมีใครวิเคราะห์ถึงเหตุที่แท้จริง วันนี้ขอว่ากันที่ประเด็นสำคัญ เพื่อเป็นกระบอกเสียงแทนใจแฟนบอลบุรีรัมย์ตะโกนดัง ๆ ไปสู่ถิ่นช้างอารีน่าเพื่อร่วมกันไขปัญหาว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับสโมสร 1. ความไม่นิ่งของทีม.. แต่ละฤดูกาลบุรีรัมย์มีการเปลี่ยนแปลงทีมมากเกินไป ที่จริงแล้วการซื้อนักเตะใหม่เข้ามามันก็ไม่ใช่เรื่องแย่นะแฟนบอลทุกทีมชอบกันทั้งนั้น แต่การได้นักเตะใหม่เข้ามาโดยที่ต้องเสียแกนหลักเดิมของทีม ต้องมาเริ่มต้นนับสองนับสามกันใหม่ทุกฤดูกาลมันก็ไม่ไหว แฟนบอลต้องนั่งดูการเสียนักเตะสำคัญของทีมไปทีละคน ๆ พอทีมใหม่เริ่มเข้าที่เข้าทางต้องเสียตัวหลักไปอีกแล้ว ฤดูกาลนี้เห็นชัดเจนถึงความไม่ปะติดปะต่อของนักเตะใหม่กับนักเตะเก่า แต่ก็เข้าใจถึงความพยายามที่จะยกระดับมาตรฐานของทีมให้สูงขึ้นไปสู่ระดับเอเชีย “ถ้าเราพอใจนักเตะชุดเดิม เราก็จะย่ำอยู่ที่เดิม" ดูจะเป็นโรดแม็ปแนวทางการทำทีม แต่แฟนบอลอยากเห็นตัวหลักอยู่กันครบแล้วเสริมตำแหน่งใหม่เข้ามามากกว่าเริ่มต้นจูนกันใหม่ทุกฤดูกาล 2. ตัวหลักขายไปแล้วไม่ได้ไปไหนไกล.. ต่อเนื่องจากข้อแรกใครที่ติดตามฟุตบอลต่างประเทศคงจะแปลกใจมากถ้าบอกว่าแมนยูฯ ขาย บรูโน่ ให้เชลซี , ลิเวอร์พูลขาย ฟานไดจ์ค ให้แมนซิตี้ หรือสเปอร์สปล่อย ซอน เฮืองมิน ไปเล่นให้อาร์เซนอล ฤดูกาลนี้แฟนบุรีรัมย์คงรู้สึกเจ็บจี๊ดนิด ๆ ที่เห็น ตุญเญซ กลับมาโหม่งประตูใส่ทีมเก่าให้บีจี , นั่งดู โก ซุล กิ ลากฉีกกองหลังเก็บแต้มให้ท่าเรือ เหมือนยื่นอาวุธหนักให้ข้าศึกกลับเอามาสร้างปัญหาให้ทีม จริงอยู่ว่าเป็นวิถีของฟุตบอลแต่เอาแบบเว้นระยะห่างหน่อย และผิดวิสัยที่ทีมใหญ่ลุ้นแชมป์จะปล่อยนักเตะให้กัน 3. ดาวรุ่งปั้นไม่ไหวอย่าฝืน.. ในหลายฤดูกาลมีความพยายามที่จะดันนักเตะไทยขึ้นมา หลายคนฟอร์มดีเป็นที่ยอมรับ แต่ก็มีนักเตะที่แฟนบอลเห็นรายชื่อแล้วบ่นอุบว่าควรจะเอาไปพักได้บ้าง คงไม่ต้องระบุชื่ออะไรแต่ถ้าเอ่ยถึงคำว่า นักเตะลูกรัก ถามแฟนบอลบุรีรัมย์ตรง ๆ ว่ามีมั้ย? แทบจะทุกคนพยักหน้าว่าเออ.. ใช่ ๆ ที่เหลือก็ตามนั้นครับเป็นอันว่าขอปิดประเด็นนี้ 4. เริ่มต้นฤดูกาลด้วยความกดดัน.. บุรีรัมย์ยุคใหม่นับจากฤดูกาล 2556 เป็นต้นมา ไม่มีฤดูกาลไหนที่พวกเค้าจะเริ่มต้นฤดูกาลด้วยโอกาสคว้าแชมป์เป็นรองคู่แข่ง ฤดูกาลนี้กลับเป็น บีจี ปทุมยูไนเต็ด ที่เสริมตัวดี ๆ แบบเต็มพิกัดแบเบอร์ที่จะคว้าถ้วยไทยลีกไปประดับสโมสร ยิ่งเล่นดูยิ่งห่าง ยอดทีมจากแดนอีสานใต้ต้องขึ้นเวทีในสภาพ มวยรอง ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าเพราะจะว่าไปมันจะเล่นด้วยไร้ความกดดัน แต่ปัญหามีทันทีเมื่อคำว่ามวยรอง แต่ต้องแบกความหวังว่าต้องชนะคว้าแชมป์สถานเดียว มันยิ่งโยน ความกดดัน ให้นักเตะ และโค้ชเป็นทวีคูณ จะดีกว่าไหมถ้าจะยอมรับกันแบบตรง ๆ ว่าฤดูกาลนี้เรากำลังสร้างทีม บางทีการไม่แบกอะไรมากเกินไปผลงานจะออกมาดีก็ได้ 5. ต้องไม่ยั่วให้คู่แข่งมีแรงฮึด.. การออกมาให้กำลังใจนักเตะเป็นสิ่งที่ดี แต่หลายครั้งเราได้เห็นประโยคทั้งจากการสัมภาษณ์ หรือข้อความในโซเชียลทั้งก่อนและหลังเกมที่ดูจะออกตัวแรงด้วยเกียร์ห้าติดเทอร์โบ ชนิดที่แฟนบอลเหงื่อแตกพรากต้องหันหน้ามามองกันแล้วบอกกันว่า งานเข้าอีกแล้ว เพราะดูจะไปสร้างแรงฮึด! และความมุ่งมั่นให้กับคู่ต่อสู้อยากเอาชนะมากกว่า และนักเตะจะยิ่งเล่นยากขึ้น จะเห็นได้จากฤดูกาลนี้ที่คู่แข่งวิ่งไล่บอลกันเป็นม้าเพราะเจอบุรีรัมย์ใครก็อยากชนะ ทุกข้อที่กล่าวมาจึงเป็นคำตอบถึงฟอร์มการเล่น ซึ่งถ้าวิเคราะห์ถึงเกมที่ผ่านมาหลายนัดมีปัญหาที่ อเล็กซานเดร กาม่า ต้องทำการบ้านอีกเยอะเลย แต่ด้วยประสบการณ์ของเค้าที่เคยผ่านการคุมบุรีรัมย์มาแล้ว และประสบความสำเร็จมาอย่างดี จะสามารถพลิก บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ให้กลับมายืนในจุดที่ควรจะเป็น ในส่วนของประเด็นปัญหาการเล่นแบบละเอียด เจาะลึก! ได้เคยวิเคราะห์กันไปแล้วในบทความ กาม่า จะไหวไหม? ในถิ่นบุรีรัมย์ แนะนำว่าลองคลิกอ่านกันดูนะครับเพราะเป็นประเด็นต่อเนื่องกับบทความนี้ และต้องติดตามกันต่อไปว่าฟอร์มการเล่นจะกลับมาดีเหมือนเดิมไหม แต่เชื่อว่าบุรีรัมย์ที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ จะปรับทีมให้มีประสิทธิภาพกลับมาลุ้นแชมป์ได้เหมือนเดิม และนี่ก็ไม่ใช่ปัญหาครั้งแรกที่เคยเจอ และถึงวันนั้นเชื่อว่า จะไม่วนกลับไปข้อแรก ให้กลับมาซ้ำรอยเดิมอย่างแน่นอน.. ภาพประกอบโดย ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4