ช่วงนี้ไวรัสโคโรน่ากำลังระบาด คนคงไม่กล้าไปเที่ยวประเทศจีนอีกนาน แต่วันนี้ฉันอยากจะมาแชร์การท่องเที่ยวคนเดียวในปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว เผื่อว่าไวรัสหายไปแล้วตั๋วถูกลง ก็เป็นทางเลือกของคนที่กล้าจะเสี่ยง ขอบอกเลยว่าตัวเราเองพูดภาษาจีนไม่ได้เลย แต่พอรู้คำศัพท์พื้นฐานที่จะสื่อสารกับเค้าว่า "ฉันฟังไม่รู้เรื่อง" "ฉันป็นคนไทย" "ราคาเท่าไหร่" "ลดได้ไหม" แค่นี้ ส่วนภาษาอังกฤษของฉันก็งู ๆ ปลา ๆ แต่ก็อยากลองดู คิดในใจว่า "เอาวะ โตแล้ว ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดู" การเตรียมตัวก่อนการเดินทางก็ต้องมีการโหลดแอปพลิเคชันที่จำเป็นในชีวิตประจำวันก่อน แอปพลิเคชันแนะนำที่ควรมีไว้เลยคือ Metro China Subway มีไว้สำหรับการดูสถานีรถไฟใต้ดินว่าจากที่นี่จะไปที่นั่น ไปทางไหนสะดวกสุด ซึ่งสาย subway ที่ปักกิ่งมีเยอะมาก ๆ ถ้าไม่ศึกษาให้ดีอาจจะหลงได้ อีกข้อสำคัญ คือ ประเทศจีนบล็อก IG, Facebook, Google อะไรพวกนี้หมดเลย แนะนำว่าควรซื้อซิมไปจากไทยดีกว่า เพื่อให้เราสามารถใช้แอปพลิเคชั่นที่เราคุ้นชินได้ เช่น google map โดยซิมก็มีให้เลือกหลายเจ้า แต่ฉันเลือกซื้อของค่ายสีเขียวไป 399 บาท ใช้ไป 5 วันหมดพอดี ฉันเดินทางไปช่วงเดือนตุลาคม อากาศเริ่มหนาว ๆ ประมาณ 8-10 กว่าองศา ถือว่ากำลังดี เตรียมเสื้อกันหนาวหนา ๆ ไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องใช้ Heattech ส่วนใหญ่ฉันไม่ค่อยได้เน้นเที่ยวแบบบ้าระห่ำเท่าไหร่ เน้นไปเสพความเป็นอยู่บ้านเมืองเค้า เพราะว่าไปถึงวันแรกไปจัตุรัสเทียนอันเหมินตามรีวิวที่หามาจากที่ต่างๆ แล้วปรากฎว่าคนเยอะมากกก สู้ไม่ไหว เลยเน้นเที่ยวแบบชิวๆน่าจะดีกว่า ส่วนสถานที่ที่ฉันไปตามรีวิวก็จะมีพระราชวังฤดูร้อน โดยการเดินทางก็นั่ง subway ไปลงที่สถานี เป่ยกงเหมิน (Bei Gong Men) ก็ถึงเลย เสียค่าเดินทางแค่ประมาณ 20 บาท ซึ่งถูกมาก ส่วนค่าเข้าชมก็ประมาณ 100 กว่าบาท ซึ่งถือว่าไม่แพงเลย ฉันไปตั้งแต่เช้าตรู่เพราะอยากหลบคนเยอะ ขอแนะนำว่าให้ไปตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพราะช่วงสายคนจะเยอะมาก พอเดินเที่ยวเกือบทั่วราชวัง ทัวร์จีนก็แห่กันมาเยอะมาก โชคดีที่มาตั้งแต่เช้า เดินคนเดียวก็ไม่เหงาสักเท่าไหร่ เปิดฟังเพลงที่ชอบ เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆก็เพลิดเพลินดี ความจริงแล้วคนจีนเค้าก็อัธยาศัยดีนะ มีลุงแก่ๆคนหนึ่งเห็นฉันเดินดูนั่นนี่คนเดียว เขาก็เข้ามาชวนคุยอย่างเป็นมิตร แต่เสียดายที่ฉันพูดด้วยไม่รู้เรื่อง แล้วก็มีผู้หญิงจีนอีกคนหนึ่งเค้ามาคนเดียวเหมือนกัน ก็อาสาถ่ายรูปให้ฉันด้วย อีกที่ที่แนะนำว่าควรจะไปเมื่อไปถึงปักกิ่งก็คือถนน หวังฟูจิ่ง (Wangfujing) เป็นเหมือนสถานที่ขายของฝาก ไปที่นี่เจอคนไทยเยอะมาก ลองไปชิมเป็ดปักกิ่ง กับ สตอเบอร์รี่เคลือบน้ำตาล ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ส่วนที่เที่ยวอื่น ๆ เราไปแบบมั่ว ๆ ไม่มีอะไรหวือหวามาก แต่ก็แปลกหูแปลกตาดี เราลองไปสวนสัตว์ หมีแพนด้าน่ารักมาก แล้วก็ลองไปพวก park ก็จะเจอคนแก่ไปเล่นตั้งวงเล่นไพ่กัน เป็นภาพที่ถ้าอยู่เมืองไทยคงจะโดนจับไปแล้ว แต่อยู่ที่นี่เหมือนเป็นงานอดิเรกของพวกเขา แล้วก็แนะนำให้ไปสนามกีฬารังนก แต่วันที่ฉันไปหนาวมากเพราะวันนั้นอากาศเย็นแถมลมพัดเย็นสุด ๆ หนาวเข้ากระดูก เลยไม่ได้เข้าไปข้างใน แค่ไปเดินชะโงก ๆ ส่วนเรื่องอาหารของปักกิ่งรสชาติไม่ค่อยจะถูกปากสักเท่าไหร่ ออกจะมัน ๆ หน่อย แต่ได้เยอะมาก กินไม่หมดเลยทีเดียว เราเคยไปคุนหมิงที่นั่นอาหารอร่อย อาจเป็นเพราะว่าอยู่ใกล้เมืองไทย อาหารก็เลยคล้าย ๆ กัน สรุปสิ่งทีได้จากการไปปักกิ่งในครั้งนี้ก็คือ การเดินทางที่จีนสะดวกมาก และก็ถูกมาเช่นกัน รถเมล์ราคาถูกมาก นั่งตลอดสายเสียแค่ 2 หยวน หรือประมาณ 10 บาท แถมยังใหม่ไม่เหมือนบ้านเรา เมืองจีนเปลี่ยนไปแล้ว ห้องน้ำไม่ได้แย่เหมือนที่เล่ากันมานะ แต่ก็ยังมีถุยน้ำลายตรงพื้นอยู่ อีกอย่างหนึ่งที่แปลกใจคือร้านค้า Apple store คนเยอะมากแบบต่อแถวเข้าเลย ทั้ง ๆ ที่ช่วงนั้นไม่ได้เปิดตัวสินค้าใหม่อะไร ไม่รู้เค้าไปซื้ออะไรกัน สุดท้ายนี้ก็อยากบอกทุกคนว่า กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ นะคะทุกคน (ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน)