ถ้าให้พูดถึงช่วง ข้าวยากหมากแพง ในช่วงนี้ช่วงสถานการณ์โควิด 19 น่าจะใช้คำ ๆ นี้อธิบายได้ดีที่สุด เนื่องจากผลกระทบในทุกด้าน ส่งผลให้กิจการร้านค้าต้องขึ้นราคาอาหาร ผู้คนไม่ได้ออกไปทำงาน ก็จะไม่มีเงินไปซื้ออาหาร เพื่อเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัว แต่ว่ายังมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบในเรื่องของอาหารการกินมากนัก เนื่องจากพวกเขาได้ใช้วิธีในอดีตโดยการแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่มีให้แก่กันและกัน ยกตัวอย่างเช่น “ ปลาแลกข้าว ” เป็นการแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้แก่ ชาวบ้านชาวเล 5 หมู่บ้านในฝั่งอันดามัน นำโดยชาวเลราไวย์ ซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ได้ตัดสินใจใช้วิธีการแลกอาหารในอดีต เพื่อความอยู่รอด รวมถึงในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ไม่สามารถขายสินค้าหรือผลผลิตของตนเองได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด ก็ได้ใช้วิธีการแลกเปลี่ยนเช่นกัน หรือบางพื้นที่ก็ได้แจกของตามทางผ่านข้างทาง เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะเกิดการเน่าเสียเปล่า ซึ่งการใช้วิธีการแลกเปลี่ยนอาหาร ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกันแบบตรงไปตรงมา ไม่มีผลกับทางเศรษฐกิจใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นความจริงใจที่อยากจะมอบให้แก่กันและกัน ต่างฝ่ายต่างเห็นถึงความเดือดร้อนของแต่ละฝ่าย โซึ่งถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีต่อทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งในการแลกเปลี่ยนอาหารกันในอดีตนั้น เปรียบเสมือนเราซื้อขายสินค้ากัน เพียงแค่ไม่ได้ใช้เป็นสกุลเงิน ดังนั้นก่อนจะทำการแลกเปลี่ยน แต่ละฝ่ายต้องทำการตกลงกันก่อน ในเรื่องของปริมาณของสินค้าแต่ละอย่าง ที่จะทำการแลก เพื่อความยุติธรรม และไม่เกิดการเหลื่อมล้ำในการแลกสินค้านั้น ๆ สำหรับสถานการณ์แบบนี้ นอกจากการแลกเปลี่ยนอาหาร หรือแจกจ่ายอาหารให้แก่กันแล้ว ทำให้ผู่ให้และผู้รับต่างรู้สึกดีต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน อีกทั้งยังเป็นการสร้างกำลังใจให้แก่กันในสถานการณ์แบบนี้อีกด้วย ถือว่าในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ ก็ยังมีสิ่งดี ๆ ที่ผู้คนสามารถมอบให้แก่กัน ภาพปก / ภาพที่1 / ภาพ2 ขอบคุณแหล่งข่าวจาก www.bangkokbiznews.com / ภาพที่3 / ภาพ 4