เราต่างรู้กันดีว่า เทศกาล ่ ฮาโลวีน ่ เป็นเทศกาลที่สนุกและน่ากลัวที่สุดในรอบปี เป็นค่ำคืนที่เหล่าเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่สายแฟชั่นออกมาแต่งตัวเป็นสัตว์ประหลาด ภูตผีปีศาจที่น่ากลัว ก่อนจะไปกดกริ่งหน้าประตูบ้านคนแปลกหน้าแล้วถามว่า Trick-or-treat ! หรือก็คือ จะให้เราหลอกหรือคุณจะให้ขนมเราดี? แน่นอนว่าเทศกาลนี้เด็ก ๆ ในอเมริกา ได้รับอนุญาตให้เดินเตร่ไปตามถนน โดยมีผู้ใหญ่คอยดูแลเพียงไม่กี่คน เราอาจอุปทานไปได้ว่า ทุกที่ในยุโรปก็คงมีลักษณะการจัดเทศกาลที่คล้าย ๆ กัน แต่หลังจากได้เห็นเทศกาลฮาโลวีนของประเทศเยอรมนี ก็ชัดเจนว่าพวกเขาไม่เข้าใจแนวคิดแบบอเมริกันเท่าไรนัก แม้ว่าฮาโลวีนจะมีรากฐานในยุโรป โดยเริ่มจากประเพณีของชาวเซลติก ซึ่งภายหลังศาสนาคริสต์ได้รับมาและดัดแปลงเป็นเทศกาลก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย แต่คนเยอรมันกลับไม่ได้ฉลองอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ โดยถือว่าเป็นวันหยุดที่นําเข้าจากต่างประเทศ ไม่ใช่จากไอร์แลนด์ แต่เป็นสหรัฐอเมริกา คนเยอรมันไม่ได้มีการเฉลิมฉลองแบบอเมริกา อาจเป็นเพราะว่า วันที่ 31 ตุลาคมอยู่ใกล้กับเทศกาลดั้งเดิมของเยอรมนี คือวันเซนต์มาร์ติน ซึ่งปกติจะฉลองกันในวันที่ 11 พฤศจิกายนหรือวันใกล้เคียง เทศกาลนี้เกิดขึ้นจากตํานานของนักบุญมาร์ติน คนดีที่เสียสละเสื้อคลุมครึ่งหนึ่งของตัวเองให้แก่ขอทานที่หนาวจัด ดังนั้นเพื่อจดจําการกระทําที่เปี่ยมด้วยเมตตานี้ เด็ก ๆ ชาวเยอรมันจะทําโคมกระดาษที่มักจุดเทียนข้างใน แล้วเดินแห่ไปตามถนนพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย แม้ว่านี่จะเป็นความคิดที่น่ารัก คือเด็ก ๆ แพร่กระจายแสงแห่งความเมตตากรุณาไปทั่วชุมชน แต่ในทางปฏิบัติมันไม่ใช่เทศกาลสําหรับเด็กที่น่าตื่นเต้นเลย อย่างน้อยก็เมื่อเทียบกับวันฮาโลวีน ชาวเยอรมันมักจะฉลองด้วยการก่อกองไฟในสวน พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม เสิร์ฟไวน์ร้อนให้พ่อแม่ซึ่งเป็นข้อดีอย่างมาก ถึงกระนั้นมันก็เป็นแค่เทศกาลที่มีแต่การยืนและเดิน ท่ามกลางความหนาวเย็นเป็นเวลานาน ๆ สําหรับผู้ปกครอง ส่วนเด็ก ๆ จะเดินถือตะเกียงร้องเพลงไปรอบ ๆ ชุมชน ไม่มีขนมหวาน ไม่มีชุดแฟนซีน่ากลัว เนื่องจากคนเยอรมันมีวันหยุดเทศกาลที่ต้องเดินไปทั่วชุมชน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นตอนเที่ยงคืนอยู่ 1 วันแล้ว จึงเข้าใจได้ว่าทําไมพวกเขาถึงไม่กระตือรือร้นที่จะรับเทศกาลแบบนั้นมาอีก เทศกาลฮาโลวีนได้รับความสนใจน้อยมากในเบอร์ลิน อย่างแรกเลยคือไม่มีใครรู้ว่าฮาโลวีนต้องฉลองในวันที่ 31 ตุลาคมเท่านั้น งานฉลองที่โรงเรียนหรือในชุมชน จะจัดในวันที่สะดวกที่สุดใกล้วันฮาโลวีน นั่นหมายความว่าทุกคนไม่ได้ฉลองพร้อมกัน ในขณะที่ร้านค้าบางแห่งแจกขนมหวาน แต่กลับไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนคาดหวังว่าจะมีเด็ก ๆ ในชุดแฟนซีมาเคาะประตูบ้านเพื่อขนมเลยภาพประกอบจาก https://www.pexels.com/Cr. ภาพที่ 1 / 2 / 3