“ ประจำเดือนมาเป็นปกติ แต่ปวดท้องตลอดเวลา เป็นมาตั้งแต่มีประจำเดือน จนตอนนี้อายุก็เข้าเลขสาม ก็ยังมีอาการปวดอยู่ ” คุณผู้หญิงทั้งหลาย คุณเคยมีอาการแบบนี้กันบ้างไหมค่ะ ถ้าเคยโปรดอย่านิ่งนอนใจ ปล่อยไว้นาน ๆ อาจจะเกิดปัญหาได้ค่ะ ขอบคุณภาพจาก : www.freepik.com Designed by Freepik นับตั้งแต่จำความได้ การมีประจำเดือนครั้งแรกก็รู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ก็มีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด เปรอะเปลื้อนกางเกงในตัวน้อย ให้รู้สึกแปลกใจ ประหลาดใจและกลัว พร้อม ๆ กัน ซึ่งการเป็นประจำเดือนครั้งแรก ไม่ได้มีอาการเจ็บหรือปวดท้องน้อยแต่อย่างใด แต่หลังจากครั้งแรก การเป็นประจำเดือน ครั้งต่อ ๆ ไป สร้างความเจ็บปวด และ ทรมานทุกครั้ง เคยหนักสุดกับการเป็นประจำเดือนถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลา 4 วัน โดยโรงพยาบาลที่ต้องนอนรักษาตัว ณ ตอนนั้น เป็นโรงพยาบาลของรัฐ คือ ถ้าไม่หนักจริง ก็คงไม่ได้นอน เพราะปกติโรงพยาบาลของรัฐก็มีคนไข้ค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ขอบคุณภาพจาก : www.freepik.com Designed by mrsiraphol การที่ปวดท้อง และทรมานจากการปวดท้องประจำเดือนตลอดเวลา ก็ได้เดินทางไปเพื่อรักษาตัวเอง คุณหมอท่านแรก บอกว่า ผู้หญิง จำนวน 50 % จะมีอาการปวดประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งบางส่วนอาการปวดเหล่านี้จะหายไปเองหลังจากที่มีบุตร ด้วยความที่ยังรู้สึกไม่สบายใจกับการปวด จึงไปหาคุณหมอท่านที่ 2 ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ไม่แตกต่างกัน ระยะเวลาผ่านไป กับการรักษาตัวและสอบถามคุณหมอ ไม่น้อยกว่า 5 ท่าน เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเราเองไม่เป็นอะไรจริง ๆ ซึ่ง คุณหมอทั้ง 5 ท่านก็ตอบเหมือนกัน และ มีการให้ทานยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมนเพื่อช่วยบรรเทาอาการ แต่ ก็ไม่หาย ขอบคุณภาพโดย Pete Linforth จาก Pixabay เวลาผ่านไป เป็นเวลา 20 กว่าปี ในวัย 30 ต้น ๆ อาการปวดประจำเดือน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น มีการไปตรวจมะเร็งปากมดลูกตามเกณฑ์คนอายุขึ้นเลข 3 แล้วต้องไปตรวจ ผลการตรวจพบอาการอักเสบเล็กน้อย ต้องไปตรวจซ้ำทุก ๆ 6 เดือนเพื่อติดตามอาการ ซึ่งก็ยังไม่พบอะไร โดยคุณหมอทั้งหมดที่ไปพบล้วนเป็นคุณหมอเฉพาะทาง (คุณหมอด้านสูติ-นรีแพทย์) เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมานี้ ก็ได้ไปหาคุณหมออีกท่านโดยได้ทำการตรวจอัลตราซาวด์ โดยคุณหมอจะใช้เจลที่มีลักษณะใส ๆ ทางที่ท้องและใช้เครื่องอัลตราซาวด์ กดตรงมดลูก คุณหมอแจ้งว่า “ มดลูกมีลักษณะบวมเป่ง ๆ ใหญ่ผิดปกติเหมือนเป็นเนื้องอก ” และให้ยากลับมาทานแล้วนัดกลับไปหาคุณหมอใหม่หลังจากนั้น 7 วัน กลับมาดูอาการใหม่ สรุป คุณหมอแจ้งว่า พบเนื้องอก จำนวน 3 จุด อยู่ในมดลูก ซึ่งส่งผลต่อภาวะการมีบุตรยาก และ ทำให้ปวดท้องซึ่งอาจจะปวดเวลาที่มีประจำเดือน และเวลาอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน ถามคุณหมอว่า ทำอย่างไรถึงจะหายจากการเป็นเนื้องอกที่มดลูก คุณหมอบอกว่ามี 2 วิธี วิธีแรก คือ การผ่าตัดมดลูกทิ้ง และวิธีที่สอง คือ การไม่เป็นประจำเดือน จะทำให้เนื้องอกฝ่อไปเองเพราะไม่มีเลือดไปเลี้ยงเนื้องอก ขอบคุณภาพจาก www.freepik.com Designed by brgfx หลังจากที่ได้ฟังคุณหมอแล้วก็กลับมานั่งทบทวนว่าจะเอาอย่างไรกับมดลูกดี จะตัดทิ้ง หรือ จะปล่อยไว้รอดูอาการ เพราะ - ถ้าจะตัดมดลูกทิ้ง ก็ไม่มีโอกาสมีลูกเลยในชีวิต การที่เราเป็นผู้หญิง ก็อยากมีความรู้สึกของการเป็นแม่ การได้ท้องและการได้ลองคลอดลูกบ้าง ถ้าตัดมดลูกไป โอกาสเป็น 0 เลยทันที จึงยังไม่อยากจะตัดทิ้ง แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกกังวลว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้ล่ะ เนื้องอกจะกลายเป็นเนื้อร้ายไหม ก็ยังไม่มีใครตอบได้ ส่วนการรักษากรณีที่สอง คือการไม่มีประจำเดือน ก็ ก็คงต้องรออีกนานเหมือนกัน ถ้าความหวังยังมี ไม่คิดจะยอมแพ้หรอกคะ หมอคนนี้บอกไม่ ก็อาจจะมีคุณหมอท่านอื่นช่วยเราได้ แค่ยังไม่ถึงเวลา ขอบคุณภาพโดย Pexels จาก Pixabay ถึงแม้ตอนนี้จะรู้ว่าตัวเองเป็นเนื้องอก ถึงแม้จะยังไม่ต้องผ่าตัดเอามดลูกออกเลยในทันที แต่ก็ยังมีความหวังว่าน่าจะมีการรักษาแนวทางอื่น แค่เวลานี้ยังไม่เจอเท่านั้นเองค่ะ และอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับเพื่อนผู้หญิงทั้งหลายนะคะ ว่าควรหมั่นไปตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ และถ้าใครที่คิดว่าสมัยนี้การแพทย์พัฒนาไปไกลแล้ว มีลูกตอนอายุ 30 ขึ้นก็ได้ จริงอยู่ที่การแพทย์พัฒนา แต่ถ้าใครที่คิดจะมีบุตร แล้วเกิดพบว่ามดลูกไม่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ก็มักจะไม่ดีจริงไหมคะ ถ้าพร้อมทั้งครอบครัวเรา และ ครอบครัวคนที่ใช่ ก็จัดไปเลย เพราะยิ่งอายุเยอะ ความเสี่ยงก็มักจะเยอะตาม จริงไหมคะ