ชุดชั้นใน ดูจะเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่มีความจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคน การสวมใส่ยกทรงเป็นวัฒนธรรมสากลของคนทั่วโลก แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ผู้หญิงเริ่มสรรหาสิ่งนี้มาเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายตั้งแต่เมื่อใด แล้วเหตุผลที่แท้จริงของการใส่ชุดชั้นในคืออะไรกันแน่ ชวนผู้อ่านย้อนกลับไปค้นหาต้นกำเนิดของยกทรง ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันกันเลยทีเดียวเวลาเราดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ยุคโบราณ เราก็จะเห็นว่าหญิงสาวสมัยนั้นไม่ได้มีเสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิดร่างกายอย่างพวกเราในทุกวันนี้ เก่าแก่ที่สุดคงเป็นการหาใบไม้ใบหญ้ามาปกปิดเฉพาะส่วนที่เป็นของสงวน ซึ่งก็เรียกได้ไม่เต็มปากว่านั่นคือชุดชั้นในหรืออะไรกันแน่ แต่แนวคิดการใช้ชิ้นส่วนหรือวัสดุเสื้อผ้ามาปกปิดทรวงอกน่าจะปรากฎชัดเจนในสมัยกรีกโบราณ เห็นได้จากรูปปั้นเทพีที่เริ่มมีเครื่องแต่งกายคล้ายเสื้อชั้นในสวมใส่ให้เห็น เช่น รูปปั้นของเทพีอาธีมิส (Artemis) หรือรูปปั้นของเทพีอะโฟรไดต์ (Aphrodite) ที่ถูกพบในซากเมืองปอมเปอี (Pompeii) สันนิษฐานว่าสมัยนั้นเริ่มมีการสวมใส่ยกทรงในชนชั้นสูง มีจุดประสงค์เพื่อประดับตกแต่งทรวงอกให้ดูสวยงาม มากกว่าการปกปิดของสงวนอย่างในยุคปัจจุบันเมื่อมาถึงสมัยโรมัน แนวคิดการสวมใส่ชุดชั้นในเริ่มเปลี่ยนไป ค่านิยมของหญิงยุคนั้นมองว่า การปล่อยให้หน้าอกเปลือยเปล่าในที่โล่งแจ้งเป็นเรื่องน่าอับอาย ผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่เป็นเรื่องขบขัน ถูกมองเป็นหญิงชราที่ทรวงอกหย่อนคล้อย จึงมีการนำวัสดุประเภทผ้าชิ้นหนาหรือหนังสัตว์ที่มีความยืดหยุ่นพอดีตัว มาปิดทับหน้าอกเอาไว้ก่อนสวมใส่เสื้อผ้า เห็นได้จากภาพโมเสกในศตวรรษที่ 4 ขุดพบที่เมืองซิซิลี ประเทศอิตาลีในปัจจุบัน เป็นภาพหญิงโรมันกำลังเล่นกีฬา และสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีลักษณะคล้ายชุดชั้นในจากนั้นในสมัยกลางของยุโรป เรื่อยมาถึงยุคที่มีการปฏิวัติและฟื้นฟูสังคมให้ก้าวเข้าสู่ความทันสมัย ชุดชั้นในของสตรีเริ่มเป็นแบบคอร์เซต (Corset) ที่ทำจากกระดูกปลาวาฬ ซึ่งบีบรัดเอวจนเล็กและทำให้กระดูกซี่โครงผิดรูปผิดร่าง เป็นค่านิยมความงามของหญิงสาวสมัยนั้น แต่แล้วหญิงสาวนามว่า แมรี เฟลป์ส เจคอป (Mary Phelps Jakob) สตรีหัวก้าวหน้าได้ก้าวเข้ามาในวงการแฟชั่นชุดชั้นในสตรี และเธอเองที่เป็นคนทำให้เกิดชุดชั้นในสมัยใหม่ นั่นคือยกทรงกับกางเกงในแบบที่ผู้หญิงทั่วโลกสวมใส่กันในปัจจุบันด้วยความที่แมรีมีหน้าอกใหญ่ ความอึดอัดจากการสวมคอร์เซตจนเนื้อปลิ้นออกมาแลดูไม่สวยงาม ทำให้แมรีใช้ผ้าเช็ดหน้ากับริบบิ้นมาทำเป็นเสื้อชั้นในแทน จากนั้นไอเดียของเธอจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย กลายเป็นวัฒนธรรมชุดชั้นในสมัยใหม่ที่มีความสะดวกสบาย ไม่อึดอัด และที่สำคัญไม่เสี่ยงต่ออันตรายของอวัยวะภายในร่างกาย ยกทรงของแมรีได้รับการจดสิทธิบัตรเมื่อปี 1914 โดยสำนักงานสิทธิบัตรแห่งสหรัฐอเมริกา ถือเป็นต้นแบบของชุดชั้นในสตรียุคปัจจุบัน และในโอกาสที่วันที่ 5 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันชุดชั้นในสากล จึงขอส่งต่อความรู้ไปสู่ผู้อ่านทุกคนด้วยบทความนี้นั่นเองเครดิตรูปภาพ- รูปภาพหน้าปก โดย Rawpixel.com : FREEPIK- ภาพประกอบที่ 1 โดย SteinsplitterBot : WIKIMEDIA COMMONS (CC BY-SA 2.0)- ภาพประกอบที่ 2 โดย Justfixingawrongnumber : WIKIMEDIA COMMONS (Public Domain)- ภาพประกอบที่ 3 โดย Haabet : WIKIMEDIA COMMONS (Public Domain)- ภาพประกอบที่ 4 โดย Xbzu72jzc32~commonswiki : WIKIMEDIA COMMONS (Public Domain)ข้อมูลประกอบบทความ- 100 Years of Brassieres: The Historical Evolution of the Bra : InsideHook