การเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาเมื่อ 3 พ.ย. 2020 ที่ผ่านมา ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับชาวโลกเป็นอย่างมาก เพราะเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวของพญาอินทรี เปรียบเสมือนผู้นำโลกคนสำคัญ ที่จะมีอิทธิพลต่อประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และในยุคสมัยปัจจุบัน ที่ได้เห็นชัดเจนถึงบทบาทสิทธิสตรีในเวทีโลก โดยเฉพาะการเปิดตัวผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตนาม กมลา แฮร์ริส ที่ได้เดินสายหาเสียงกับ โจ ไบเดน จนสามารถคว้าชัยในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ กมลา แฮร์ริส มีเชื้อสายอินเดียจากแม่ และเติบโตมาในครอบครัวหมอ จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยโฮวาร์ด ด้านประวัติศาสตร์ชนชาติแอฟริกัน-อเมริกัน และวิทยาลัยกฎหมายแฮสติ้งส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และยังมีมีประสบการณ์มากมาย ทั้งงานอัยการสูงสุดแคลิฟอร์เนีย และยังเป็นสมาชิกวุฒิสภารัฐแคลิฟอร์เนีย ที่บ่งชี้ให้เห็นว่าตัวเธอเป็นคนที่มีความหลากหลายและเปิดกว้าง ต่างกับฝั่งรีพับลิกันของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้นถือว่า "อเมริกันต้องมาก่อน" โดยมีคำปราศัยของกมลา ที่ถือเป็นแรงผลักดันชั้นดีต่อสังคม แม่มองมาที่ฉันและกล่าวว่า กมลา เธอต้องเป็นหนึ่งในหลายสิ่งที่เธอทำให้ได้ แต่ต้องให้แน่ใจด้วยว่าเธอจะไม่ใช่คนสุดท้าย กมลา แฮร์ริส กล่าวในการบรรยายที่วิทยาลัยสเปลแมน ส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเรายิ่งใหญ่ได้ คือสถาบันประชาธิปไตยที่ปกป้องแนวคิดพื้นฐานของพวกเรา นั่นคือเสรีภาพทางศาสนา กฎหมายหลักที่ปกป้องการเลือกปฏิบัติตามชาติกำเนิด เสรีภาพสื่อ และประวัติศาสตร์ 200 กว่าปีของประเทศนี้ สร้างขึ้นโดยผู้อพยพ กมลา แฮร์ริส กล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกที่วุฒิสภา ใครก็ตามที่อ้างตัวว่าเป็นผู้นำ ก็ต้องพูดอย่างผู้นำ นั่นหมายถึงการพูดด้วยความซื่อสัตย์และเต็มไปด้วยความจริง กมลา แฮร์ริส โพสต์ขึ้นในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ ฉันต้องการให้คนหญิงสาวรุ่นใหม่ได้รู้ว่า คุณกำลังจะเดินเข้าไปในห้องต่าง ๆ มากมาย ในนั้นคือชีวิตและอาชีพของคุณ คุณอาจจะดูเหมือนคนมีประสบการณ์มาก่อน แต่ขอให้จำไว้ว่าเมื่อเข้าไปในห้องเหล่านั้น คุณไม่ได้อยู่คนเดียว พวกเราก็อยู่ในนั้น ปรบมือให้และเชียร์คุณอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ จงใช้เสียงนั้นให้ดีและเข้มแข็งเข้าไว้ กมลา แฮร์ริส กล่าวให้สัมภาษณ์กับนิตยาสาร Marie Claire ตอนนี้เป็นเพราะสมาร์ทโฟน อเมริกาและทั่วโลกได้เห็นถึงความโหดร้ายที่รู้กันมาหลายชั่วอายุ คุณไม่สามารถปฏิเสธได้ ฉันเชื่อว่าผู้คนเห็นความอยุติธรรมทั้งหมด และพร้อมที่จะดำเนินการในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มันทำให้ฉันมีความหวังมาก ๆ กมลา แฮร์ริส กล่าวให้สัมภาษณ์กับนิตยาสาร New York Times กมลา แฮร์ริส ถือเป็นสตรีคนที่สามที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ ถัดจาก เจรัลดัน เฟอร์เรโร ในการเลือกตั้งเมื่อปี 1984 และ ซาราห์ แพลิน เมื่อการเลือกตั้งปี 2008 และ กมรา แฮร์ริส ก็ได้กลายเป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา การขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเธอ ที่นอกจากจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แล้ว ก็ยังถือว่าเป็นการแสดงความเปิดกว้างต่อสิทธิสตรีที่เพิ่มมากขึ้นในดินแดนสหรัฐอเมริกา ที่ได้มีบทบาทในงานการเมืองระดับมหภาค และอาจจะกลายเป็นตัวอย่างที่ให้ชาติอื่น ๆ ได้เอาเยี่ยงอย่าง และบทบาทสตรีอาจจะพลิกโฉมโลกอันวุ่นวายนี้ลงไปก็เป็นได้ เชิงอรรถ 15 Kamala Harris Quotes That'll Inspire You to Take Charge