ปรมาจารย์ลัทธิมาร ฉบับนิยายสนุกกว่าซีรีส์ไหมนะ ? ปรมาจารย์ลัทธิมาร โด่งดังเป็นกระแสสำหรับคนชื่นชอบซีรีส์จีนช่วงระยะเวลาหนึ่ง และจนถึงทุกวันนี้ เชื่อว่ายังคงมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญคือกระแสความรักมิตรภาพที่ดูมีอะไรต่อมิอะไรซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ทำให้ผู้ชมอยากติดตามไม่จบไม่สิ้น หลังจากซีรีส์จบลงไป รายละเอียดต่าง ๆ ที่ผู้สร้างได้ลดทอนลงไปในบทของหนัง ได้กระตุ้นให้แฟน ๆ อยากรู้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์เกินเพื่อนที่ไม่ได้กล่าวถึงอย่างชัดเจน และอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครที่ประกอบขึ้นและเป็นแรงจูงใจในการกระทำอันนำไปสู่หลาย ๆ เหตุการณ์สำคัญในเรื่องในฉบับนิยาย ยังคงมีลักษณะการเปิดฉาก และเรียบเรียงเหตุการณ์ที่คล้ายกัน โดยเล่าถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันก่อนที่จะค่อย ๆ ย้อนสู่เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในอดีต ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเติบโตไปพร้อม ๆ กับตัวละคร การอ่านปรมาจารย์ลัทธิมารแบบฉบับนิยาย ทำให้ได้เห็นความซับซ้อนของตัวละครมากยิ่งขึ้น ทุกตัวละครต่างมีเบื้องหลังในเรื่องราวชีวิตของตัวเอง แต่กลับมีความเป็นเอกภาพในเนื้อหาในเส้นเรื่องชีวิตของตัวละครเอกอย่าง เว่ยอู๋เซี่ยน ซึ่งนั่นช่วยสร้างความมีมิติให้กับตัวละครให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นโดยในความรู้สึกส่วนตัว สิ่งที่ชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้คือเรื่องราวชีวิตครอบครัวของ เว่ยอู๋เซี่ยน ซึ่งถือเป็นสิ่งประกอบสร้างตัวละครที่บิดเบี้ยวด้านชีวิต แต่กลับมีความถึงพร้อมด้วยคุณธรรมอย่างที่หาได้ยากยิ่งในตัวละครอื่น ๆ บทบาทของพ่อกับแม่ ที่เป็นทั้งอาจารย์และเจ้านาย พี่น้องชายหญิง ที่เป็นทั้งความรักและบุญคุณ ความสัมพันธ์ของเว่ยอู๋เซี่ยนกับครอบครัวจึงมีความซับซ้อนที่น่าสนใจในแง่มุมสะท้อนสังคมวัฒนธรรมจีนในเรื่องบุญคุณความแค้น ชนชั้นวรรณะ และความกตัญญูด้วยเช่นกัน แต่อีกประเด็นคือการสะท้อนภาพตัวละครเว่ยอู๋เซี่ยนในฐานะบุคคลแปลกแยกที่ต้องโดดเดี่ยว ครอบครัวที่ไม่ใช่ครอบครัวแท้จริง สุดท้ายต้องแยกมรรคากันเดิน และความแปลกแยกของตัวละครในด้านคุณธรรมที่แตกต่าง ส่งผลให้เกิดเรื่องราวความรักที่ไม่ปรากฏในความสัมพันธ์ของตัวละครอื่นซึ่งบ่งบอกความเป็น ‘เว่ยอู๋เซียน’ อันมีภาพลักษณ์ของมารผู้ทรงคุณธรรมนั่นเองการสร้างเรื่องราวความรักแบบคนเพศเดียวกันให้ไม่ฉีกหรือแยกห่างจากกรอบของเรื่องเองก็มีความน่าสนใจ โดยการนำมาใส่ไว้ในความสัมพันธ์อันเรียบง่ายที่เริ่มจากมิตรภาพ ด้วยสิ่งประกอบสร้างต่าง ๆ อันก่อร่างขึ้นมาเป็นตัวละคร เว่ยอู๋เซี่ยน ซึ่งตัดขาดกับครอบครัว หญิงชาย และสังคมภายนอก หลานวั่งจี จึงเป็นตัวละครที่ยิ่งมีความเด่นชัดในเรื่องของความสัมพันธ์ในทุกแง่มุม เข้ามาทดแทนและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างไม่อาจตัดขาด ถือเป็นการบอกเล่าเรื่องราวความรักที่ค่อย ๆ พัฒนาโดยสามารถทำให้ผู้อ่านมองข้ามจารีตศีลธรรมที่อาจเป็นอุปสรรคในเรื่อง เพราะจุดเริ่มต้นความรักนั้นมาจากเรื่องราวภายในของตัวละคร ยึดโยงกันด้วยหน้าที่พันธกิจ นำมาสู่การยอมรับเรื่องที่ไม่เคยยอมรับ เช่น หลานวั่งจียอมรับในการกระทำของเว่ยอู๋เซี่ยนแม้จะแปลกแยกแตกต่างไปจากตำราและการสั่งสอน แต่นั่นไม่ใช่หมายถึงสิ่งเลวร้ายเสมอไป เมื่อยอมรับในมรรคาที่แตกต่าง หนทางความรักที่แปลกแยกไปจากสังคมจึงไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องราวความรักระหว่างเว่ยอู๋เซี่ยนกับหลานวั่งจีในนิยาย จึงถือว่ามีความเป็นเอกภาพสอดคล้องไปกับเรื่องราวอื่น ๆ ในเรื่องโดยไม่ขัดแย้งหรือสร้างดราม่าตามกระแสนิยายรักทั่วไปที่มักพูดถึงศีลธรรมและกรอบสังคม แต่เป็นการเน้นให้ตัวละครจับมือกันด้วยความรักที่ก่อเกิด เพื่อผ่านพ้นอุปสรรคจากความชั่วร้ายด้วยน้ำมือมนุษย์ที่ไม่รู้จักพอด้วยกิเลสตัณหามากกว่านั่นเอง เว่ยอู๋เซี่ยนร้องเรียก “...หลานจ้าน” ... หลังสิ้นเสียง “อืม” เขาก็พูดขึ้นอีก “ข้าอยู่นี่” เพียงได้ยินสามคำนี้ เว่ยอู๋เซียนก็เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นในใจ ราวกับมันคือความเศร้าโศก ในใจจึงรู้สึกเจ็บเล็ก ๆ ระคนอุ่นซ่าน(ปรมาจารย์ลัทธิมาร เล่ม 2, 2562 : 362)นิยายเรื่องปรมาจารย์ลัทธิมารทำให้คนอ่านได้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นผ่านบทบรรยายความรู้สึกต่าง ๆ ที่ผู้เขียนบอกเล่าผ่านตัวหนังสือ ซึ่งถือเป็นการนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของการเล่าเรื่องผ่านนิยายและซีรีส์ที่แตกต่างกัน แถมในนิยายยังเล่าเรื่องตัวละครอื่น ๆ ได้อย่างมีมิติ ใครอยากรู้เบื้องลึกของตัวละครให้มากยิ่งขึ้น ลองหานิยาย ปรมาจารย์ลัทธิมารขึ้นมาอ่าน รับรองว่าจะเห็นตัวละครที่มีมิติมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสนุกในการดูซีรีส์ในชื่อเรื่องเดียวกันได้อย่างลึกซึ้งกันเลยทีเดียวปรมาจารย์ลัทธิมาร เล่ม 1,2 โดย โม่เซียงถงซิ่ว แปล อลิส พิมพ์ครั้งที่ 5 สำนักพิมพ์ เบเกอรี่บุ๊คราคา 370 บาทซื้อได้ที่ ร้านหนังสือนายอินทร์ ภาพปกและภาพประกอบในเนื้อหาโดย K.N.