หากคุณมีโอกาสมาพักผ่อนที่จังหวัดอุทัยธานี เมืองพระชนกจักรี นอกจากจะได้ชมวิถีชุมชนและธรรมชาติจากแม่น้ำสะแกกรังแล้ว เรายังได้ลิ้มลองอาหารอร่อยจากร้านต่าง ๆ ที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นของกินพื้นบ้านในตลาด หรือคาเฟ่ริมน้ำบรรยากาศดี ที่เมืองนี้มีให้เลือกปักหมุดอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่งานนี้เราขอเอาใจคนชอบกินเส้น เพราะฉะนั้นร้านที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงเมืองอุทัยแล้วนั่นก็คือ "เจ๊เน้ย" ร้านขายบะหมี่และกะเพาะปลาที่อยู่ภายในตลาดเทศบาลเมืองอุทัยธานี ร้านนี้มีดีที่เส้นบะหมี่เป็นสูตรโบราณ ต้นตำรับยาวนานกว่า 80 ปี เส้นบะหมี่ทำสดใหม่ทุกวัน เส้นสีเหลืองสดเหนียวนุ่ม เส้นไม่เละ ไม่ติดกัน เรียงตัวสวยงาม รสชาติกลมกล่อมโดยไม่ต้องแตะเครื่องปรุงแม้แต่น้อย ร้านเปิดมาตั้งแต่รุ่นอากงซึ่งท่านมาจากเมืองจีน อพยพมาขายบะหมี่อยู่ที่จังหวัดชัยนาทก่อน พอมาถึงรุ่นที่สองก็ย้ายมาขายบะหมี่ที่อุทัยธานีแต่สูตรยังเป็นของอากงเหมือนเดิม และก็ขายมาเรื่อย ๆ จนถึงรุ่นของเจ้เน้ย ปัจจุบันเจ้เน้ยกำลังส่งต่อให้รุ่นที่สี่เพื่อสืบทอดตำนานความอร่อย เมนูแนะนำของร้านคือบะหมี่แห้งหมูแดง ทีเด็ดอยู่ที่น้ำปรุงรสโดยทำใส่หม้อไว้ก่อน ซึ่งประกอบด้วย น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำมันเจียว พริกป่น และน้ำตาล น้ำปรุงรสหนึ่งหม้อจะทำบะหมี่ได้แปดชาม เริ่มจากนำบะหมี่ใส่ลงไปในน้ำที่เดือดเท่านั้น น้ำเดือดรอบแรกให้หรี่ไฟ จากนั้นก็เร่งไฟให้น้ำเดือดอีกครั้ง เท่ากับน้ำต้องเดือดสองรอบจึงจะเอาเส้นบะหมี่ขึ้น จากนั้นก็นำไปใส่ในหม้อปรุงซึ่งมีน้ำปรุงอยู่แล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน รอให้เซ็ทตัวสักพักจนได้ที่ แล้วนำไปใส่ชาม ตามด้วยลูกชิ้นปลา หมูแดง และโรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชี ก็ยกเสิร์ฟได้เลย เคล็ดลับร้านนี้ใช้เส้นบะหมี่ไข่ ทำเอง วันต่อวัน โดยใช้แป้งสาลีผสมกับไข่ เริ่มขั้นตอนด้วยการนำเส้นมาล้างน้ำเปล่าก่อน จากนั้นทำการลวกเส้น เวลาลวกเส้นน้ำต้องเดือดเท่านั้น ที่สำคัญต้องเปลี่ยนน้ำลวกเส้นตลอดเวลา น้ำจะได้ไม่ขุ่น น่าทาน เวลาลวกเส้นต้องคนไปด้วยเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน ส่วนหมูแดงนั้นร้านก็ทำเองเช่นกัน ในเรื่องของราคานั้นขายมาตั้งแต่ชามละบาท สามบาท ห้าบาท จนปัจจุบันนี้อยู่ที่ 40 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับกรรมวิธีที่แสนละเอียดเช่นนี้ มากินบะหมี่ร้านนี้คุณต้องทำใจรอนานนิดนึง เนื่องจากกรรมวิธีอันประณีตที่บรรจงปรุงแต่งในหนึ่งหม้อสำหรับบะหมี่เพียงแปดชามเท่านั้น เราจึงขอแนะนำให้สั่งอีกหนึ่งเมนูเพื่อคั่นเวลาก่อน และนั่นก็คือกะเพาะปลา เมนูเสริมและออเดิฟตัดกำลังที่มาร้านนี้แล้วควรต้องทานเพื่อเรียกน้ำย่อย ซึ่งราคาอยู่ที่ 40 บาทเช่นกัน และถ้าหากทานที่ร้านแล้วยังไม่สาแก่ใจ อยากจะนำบะหมี่กลับไปลวกทานเองที่บ้านด้วย ก็สามารถซื้อเส้นบะหมี่แล้วนำไปแช่ตู้เย็นในช่องฟิซ สามารถเก็บได้ยาวนานเป็นเดือนเชียวแหละ แต่ถ้าขี้เกียจลวกเองก็สั่งแบบสำเร็จพร้อมทาน แล้วนำกลับไปอุ่นทานเองได้ที่บ้านซึ่งยังคงความอร่อยได้จนถึงเที่ยงคืน ร้านเจ๊เน้ย เป็นร้านที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ร้านตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง นั่นหมายถึงร้านอยู่ไม่ไกลจากริมแม่น้ำมากนัก ลูกค้าที่มาอุดหนุนที่ร้านมีทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่มาจากที่ต่าง ๆ ทั้งนี้รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือฝรั่งตาน้ำข้าว ต่างก็ตั้งใจมาที่ร้านเจ๊เน้ยเพื่อมาพิสูจน์ความอร่อยของบะหมี่กันถึงร้าน เจ๊เน้ยเป็นร้านที่บริหารจัดการด้วยคนในครอบครัวโดยไม่ได้จ้างคนงานใด ๆ ทั้งสิ้น สำหรับช่วงเวลาลวกเส้นนั้นแสนสั้นนัก มีเวลาเปิบแค่เพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น ร้านเปิดก่อนเที่ยงและปิดตอนบ่ายสามกว่า ๆ ร้านเปิดทุกวันก็จริงแต่ปิดตามใจฉันนะจะบอกให้ 555 เอางี้ เพื่อความมั่นใจว่ามาร้านแล้วต้องได้ทานแน่ ๆ โทรมาเช็คสถานการณ์ก่อนดีกว่าที่เบอร์ 093-2327282 สำหรับการเดินทางมาที่ร้านเจ๊เน้ย หากขับรถมาให้ตั้งต้นที่วงเวียนช้างของอำเภอเมืองอุทัย พอเห็นธนาคารไทยพาณิชย์ให้มุ่งหน้าไปทางวงเวียนน้ำพุ แล้วตรงไปก็จะเจอวงเวียนห้าแยก จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย ร้านจะอยู่เยื้องกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือศาลเจ้าปุนเถ่ากงอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความนับถือ แต่หากเดินเท้ามาก็เปิด google map ได้เลย เวลาเดินตามตรอกซอกซอยพึงระวังเจ้าถิ่นสี่ขาด้วยนะคะ เมืองอุทัยธานีเป็นเมืองที่มีสุนัขจรจัดเยอะมาก หากเดินไม่ระวังอาจเดินมาไม่ถึงร้านบะหมี่เจ๊เน้ยล่ะ แย่เลย ปล.ทุกภาพในรีวิวนี้ถ่ายโดย เอ๋จัง ลากแตะ (ผู้เขียน)