บอกเล่าการฝึกงานที่โรงพยาบาล ตอน : การฝึกงานที่ห้องคลอดและห้องผ่าตัด สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกท่าน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การฝึกงานในห้องคลอดและห้องผ่าตัดให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทำไมถึงได้ไปฝึกงานในห้องคลอด ด้วยความที่เรียนอยู่สายวิทย์ - คณิต ฯ และมีความตั้งใจว่า อย่างน้อย ๆ ก็จะได้ช่วยคนอื่นด้วย ด้วยเหตุนี้จึงได้กราบกราน อาจารย์ที่ปรึกษาให้ทำเรื่องไปฝึกงานในโรงพยาบาลในตัวอำเภอ ช่วงปิดภาคเรียน และด้วยความโชคดีที่ทางโรงพยาบาลก็ขาดแคลนกำลังคนด้วย ทำให้การฝึกงานกับเพื่อน ๆ เริ่มต้นขึ้นค่ะหลังจากที่ได้ฝึกงานที่ห้องบัตร ห้องทะเบียนแล้วก็ได้มีโอกาสได้ไปฝึกงานต่อที่ห้องคลอดและห้องผ่าตัดค่ะ การฝึกงานที่ห้องคลอด คนไข้ที่จะคลอด คุณหมอจะนัดเพื่อเตรียมตัวก่อนคลอด ในการเตรียมความพร้อมในการคลอดจะมีคุณพยาบาล ช่วยคุณแม่ท้องโตใกล้คลอด เตรียมตัว เช่น การทำความสะอาดของร่างกายก่อนคลอด การให้นั่งพัก และ สอบถามอาการอย่างสม่ำเสมอ ต้องบอกเลยว่า คุณพี่พยาบาลใจดีมาก ๆ พูดจาดี ให้กำลังใจ ทำให้คนไข้ผ่อนคลาย ทำให้การเตรียมตัวก่อนคลอดสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่เคยคลอดไม่ต้องกลัวการคลอด การคลอดครั้งนี้ที่ได้ศึกษาเป็นการคลอดเองตามธรรมชาติ เมื่อคุณแม่มีอากาศปวดท้อง และมีน้ำคล่ำไหลออกมา คุณพยาบาลก็แจ้งคุณหมอ และนำคุณแม่ขึ้นไปบนเตียงขาหยั่งเพื่อให้คนคลอดได้คลอดง่าย และง่ายต่อการดูคุณแม่ระหว่างคลอดด้วย เคยดูแต่ในหนังที่มีคุณพ่อช่วยลุ้นและเบ่งคลอดไปกับคุณแม่ ครั้งนี้เข้าใจมาก ๆ เลย เพราะ เราในฐานะคนฝึกงานผู้สังเกตการณ์ ก็เผลอช่วยเบ่งคลอดเช่นกัน ในที่สุดเด็กแรกเกิดก็คลอดออกมา พร้อมกับสายสะดือด และก็ร้องไห้เสียงดัง หลังจากนั้นก็มีการตัดสายสะดือ และ ทิ้งให้เวลาในการที่รกจะตกออกมาจากช่องคลอด หลังจากนั้นคุณหมอก็ทำการเย็บแผลหลังคลอด ถือเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ๆ ค่ะ กับประสบการณ์การช่วยเบ่งคลอด แปลกใจที่เห็นคุณแม่ที่อุ้มท้อง และ เบ่งคลอดอย่างเจ็บปวด แต่เพียงเห็นหน้าลูกน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่ สีหน้าของคุณแม่ที่เพิ่งคลอดก็เหมือนมีความสุขมาก ๆ เลย วันนี้ที่ไปดูการคลอด เป็นวันที่รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ค่ะ อาจจะเป็นเพราะ มัวลุ้น และช่วยคุณแม่เบ่งคลอดอยู่มั้งค่ะ ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว และรู้สึกแปลก ปนกันไปหมดค่ะ การฝึกงานที่ห้องผ่าตัด ถือเป็นห้องสุดท้ายที่ได้ไปฝึกงาน "ห้องผ่าตัด" เป็นห้องที่ไม่ว่าใคร ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่อยากจะเข้าไป แต่การเข้าไปครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิต ที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสบรรยากาศของการผ่าตัด ห้องผ่าตัดเป็นห้องปลอดเชื้อ ดังนั้น ก่อนเข้า ต้องทำความสะอาดตัวเอง และต้องใส่ชุดปลอดเชื้อก่อนเข้าทุกครั้ง บรรยากาศภายในห้อง เปิดไฟสว่าง มีเสียงเพลงเบา ๆ ฟังสบาย ๆ และรู้สึกว่าแอร์ในห้องนี้จะเย็นกว่าห้องอื่น ๆ อาจจะเป็นเพราะ จะช่วยให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย หรือว่าทำให้คุณหมอมีสมาธิในการผ่าตัดด้วยหรือเปล่า ตรงนี้ไม่แน่ใจค่ะ การผ่าตัดครั้งนี้ เป็นการผ่าตัดเพื่อทำหมัน คุณหมอเรียกว่า “ทำหมันเปียก” สาเหตุที่เรียกว่าทำหมันเปียก เพราะเป็นการทำหมันหลังจากคลอดแล้ว เมื่อคนไข้พร้อม คุณหมอพร้อม การผ่าตัดจึงเริ่มขึ้น โดยการผ่าตัดจะทำการฆ่าเชื้อที่หน้าท้องคนไข้ก่อนเปิดหน้าท้องก่อน ตอนเปิดหน้าท้องคุณหมอก็อธิบายให้ฟังว่าผิวหนังมีชั้นหนังกำพร้า ที่เป็นผิวชั้นนอกสุดของผิวหนัง ชั้นถัดไปเป็นชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันตามลำดับ จากนั้นก็เจอช่องท้อง คุณหมออธิบายพร้อมกับหยิบปีกมดลูกให้ดู โดยบอกว่าผู้หญิงปีกมดลูก 2 ข้าง อยู่ด้านด้านซ้ายและด้านขวา ปีกมดลูกเป็นท่อที่เชื่อระหว่างมดลูกกับรังไข่ การทำหมัน เพื่อป้องกันการมีบุตรจึงต้องตัดท่อระหว่างรังไข่และมดลูกนี้ เพื่อป้องกันการตั้งท้อง ระหว่างที่คุณหมออธิบายไป และทำไป เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เป็นลมไป เพราะกลัวเลือด เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ ความรู้สึกเหมือนนานมาก ๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก ๆ เพราะการอ่านในหนังสือบางครั้งไม่เข้าใจชัดเจน จนกระทั่งได้มาพบ มาสัมผัสจริง ๆ ทำให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากจบการฝึกงานในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเป็นประโยชน์มาก ๆ เพราะทำให้เข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ไปรับการของทางโรงพยาบาล ได้มีโอกาส พบเห็น การคลอด เห็นการเกิดของเด็กทารกแรกเกิดเป็นครั้งแรก ได้เห็นและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดของคนเป็นแม่ตอนคลอด แต่ก็มีความสุขเมื่อได้เห็นลูกคลอดออกมาแล้วร้อง อุแว้ ๆ ได้เข้าใจการทำหมันเปียก ทำให้เข้าใจความรู้สึกของการเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องใช้จิตใจที่เข้มแข็ง และความอดทน และการมีจิตใจที่เมตตาต่อคนไข้ที่มารับการรักษา ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่ได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลค่ะ ขอบคุณภาพปก จาก Pixabay ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6