ไลฟ์แฮ็ก

บริหารเวลาอย่างไรให้ 1 วันเหมือนมี 48 ชั่วโมง

637
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
บริหารเวลาอย่างไรให้ 1 วันเหมือนมี 48 ชั่วโมง

บริหารเวลาอย่างไรให้ 1 วันเหมือนมี 48 ชั่วโมง

เครดิตรูปภาพปก คลิก

ผู้นำหรือบุคคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกต่างก็พูดคล้าย ๆ กันว่า “เวลาเป็นสิ่งที่มียิ่งกว่าเงิน” อาจจะเป็นเพราะ “เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้” หรือ “เวลาสามารถสร้างเงินได้” หรืออะไรก็ตามแต่ เรามักถูกสอนให้เห็นคุณค่าเวลาและบริหารมันได้อย่างดีที่สุด เหมือนที่บทความนี้กำลังจะบอกคุณถึงวิธีบริหารเวลาให้เหมือนมี 48 ชั่วโมงในหนึ่งวัน แต่ก่อนที่จะพูดถึงวิธีการว่ามีอะไรบ้าง ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนว่า

บริหารเวลาเครดิตรูปภาพ คลิก

“การบริหารเวลา… ไม่ใช่จุดมุ่งหมายที่แท้จริง”

ใช่แล้วค่ะ การบริหารเวลายังไม่ใช่จุดมุ่งหมายขั้นสุดของเรา จุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็คือ “จะบริหารเวลาไปเพื่ออะไร?” ต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น บริหารเวลาเพื่อให้สามารถทำหลายอย่างได้พร้อมกัน เพื่อไม่ให้เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป เพื่อที่จะมีเวลาให้คนรัก หรือเพื่อจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การบริหารเวลาเปรียบเสมือน “ทางผ่าน” สู่สิ่งที่เราต้องการในชีวิต ถามว่าจุดมุ่งหมายในการบริหารเวลาของผู้เขียนคืออะไร

Advertisement

Advertisement

ขอตอบด้วยตารางภาพรวมของงานทั้งหมดแบบคร่าว ๆ (ย้ำว่าคร่าว ๆ) ตามภาพ

การบริหารเวลา(รูปภาพจากเจ้าของบทความ)

เห็นอย่างนี้แล้ว คงทราบใช่ไหมคะว่าการบริหารเวลาจำเป็นตัวชีวิตผู้เขียนอย่างไร

ไม่ว่าเหตุผลของการบริหารเวลาของคุณคืออะไร หากคุณมีจุดมุ่งหมายเป็นของตัวเอง และเห็นข้อดีของการจัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เขียนก็ขอเชิญชวนให้คุณอ่านบทความนี้ต่อจนจบ รับรองเลยค่ะว่าคุณจะได้รับมุมมองใหม่ ๆ อย่างแน่นอน ถ้าอ่านจนจบแล้วไม่ได้อะไรเลย สามารถส่งข้อความมาบ่นกับผู้เขียนได้ ตาม Contact ที่แนบมาด้านล่าง (อย่าลืมกดติดตามทุกช่องทางก่อนนะคะ 555)

เอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้บทความนี้กินเวลาอันมีค่าของผู้อ่านมากเกินไป เรามาเข้าเรื่องกันเลยค่ะ เคล็ดลับในการบริหารเวลาให้ 1 วันเหมือนมี 48 ชั่วโมง มีด้วยกัน 7 ข้อ ดังนี้

1. ถ้าไม่มีเวลา… จงหาเวลา

Advertisement

Advertisement

ปัญหาสุดคลาสสิกที่ทำให้คนเราไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ ผัดวันประกันพรุ่ง จนทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างก็อาจจะมาจากเหตุผลสุด Popular อย่าง “ไม่มีเวลา” ผู้เขียนไม่ได้ต่อต้านความคิดนี้ กลับเชื่อด้วยซ้ำค่ะ ว่าหลาย ๆ คนไม่มีเวลาจริง ๆ สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะคุณเผลอทำเศษเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ หล่นหายไปตามซอกมุมต่าง ๆ ในแต่ละวัน ไอ้เศษเวลา 10-15 นาที ก็เหมือนกับเศษขยะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้าน พอกวาดเข้ามารวมกันก็จะได้ขยะกองโต เวลาก็เช่นกัน

แล้ว “เศษเวลา” เหล่านั้นมันไปหล่นที่ไหนบ้างล่ะ?

การบริหารเวลาเครดิตรูปภาพ คลิก

ไม่ยากเลย มันก็ไปซ่อนในเวลาที่รถของคุณติดไฟแดง เข้าห้องน้ำ รอประชุม รอรถเมล์ เอ้อระเหย หรือกำลังโกรธใครอยู่ และคุณก็มักจะละลายเศษเวลาเหล่านี้ไปกับการไถโทรศัพท์มือถือเรื่อยเปื่อย จะดีกว่าไหมถ้าเรามา Recycle เศษเวลาเหล่านี้ให้กลับมามีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ด้วยการหยิบหนังสือดี ๆ มาอ่าน โทรหาลูกค้า ซ้อม Present หรือ ทำท่า Squat สัก 50 ครั้ง

Advertisement

Advertisement

ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าไม่มีเวลา จงหามันให้เจอ มันซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณนั่นแหละ

2. ทำตัวเป็นคนขี้เกียจที่ฉลาด

หลาย ๆ คนอาจจะรีบค้านขึ้นมาทันทีว่า “คนขี้เกียจไม่เห็นดีเลย จะยิ่งเผาเวลาทิ้งน่ะสิ” แต่สำหรับคนขี้เกียจที่ฉลาดจะมีข้อดีตรงที่ว่าเขามักจะพลิกแพลงสิ่งต่าง ๆ ให้ง่ายยิ่งขึ้น จนทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น และประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าทำน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น จนสามารถเอาเวลาที่เหลือไปเพิ่มพูนสิ่งต่าง ๆ ได้อีกมากมาย

ความสามารถพิเศษของคนเหล่านี้คือการทำหลายสิ่งได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นจะทำให้เขามีเวลาเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าเลยก็ว่าได้ ลองคิดดูดี ๆ นะคะว่างานทุกงานจำเป็นจะต้องใช้การโฟกัสและความคิดสร้างสรรค์ขนาดนั้นไหม?

เช่น ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นนักล้างจานมืออาชีพหรือเป็นแม่บ้านในโรงแรม จำเป็นไหมที่คุณจะต้องเลือกน้ำยาล้างจานที่ดีที่สุดและหยดลงในสก็อตไบรท์ให้เป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่พอเหมาะ ผสมด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง เมื่อล้างเสร็จให้นำผ้าสะอาด ๆ ที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาเช็ดเรียงทีละจาน

การบริหารเวลาเครดิตรูปภาพ คลิก

ถ้าคุณไม่คิดว่าตัวเองต้องทำขนาดนั้น… คุณก็สามารถทำอย่างอื่นควบคู่ในขณะที่ล้างจานได้ เช่น ฟัง Podcast ฟังเพลง หรือจะดีมาก ๆ ถ้าถือโอกาสนี้ใช้เป็นกิจกรรมระหว่างครอบครัว ช่วยกันล้าง คุยกันไปด้วย สร้างความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น หมดปัญหาเรื่องไม่มีเวลาให้ลูกแถมยังได้สอนให้ลูกมีความรับผิดชอบอีก

ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังสมอง การโฟกัส หรือความคิดสร้างสรรค์อะไรมากมาย ลองนำไปจับคู่กับการทำอย่างอื่นดูสิคะ แค่นี้เวลาของคุณก็เพิ่มเป็น 2 เท่าแล้ว

3. เข้มข้น… จนลืมเวลา

อีกเคล็ดลับในการบริหารเวลาคือให้ “ลืมเรื่องเวลาไปซะ” แต่การลืมเวลาจะทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ คุณต้องเป็นคนที่ “เข้มข้น” ก่อน จึงค่อยเลิกคิดถึงเรื่องเวลาได้ การเป็นคนที่เข้มข้นหมายถึงทำอะไรด้วยความตั้งใจ โฟกัส มุ่งสู่ความสำเร็จ ถ้าคุณมีเวลาออกกำลังกายแค่ 15 นาทีต่อวัน ก็ให้โฟกัสกับการออกกำลังกายให้ดีที่สุด วางแผนดี ๆ ว่าจะทำอะไรบ้างใน 15 นาทีนี้ หรือการซ้อมร้องเพลง 5 นาทีแบบตั้งใจ ก็ยังดีกว่าการซ้อมเล่น ๆ เป็นชั่วโมง

การบริหารเวลาเครดิตรูปภาพ คลิก

การเป็นคนที่เข้มข้นจะช่วยลดการเสียเวลาในการทำซ้ำ หรือ Rework เช่น ถ้านักศึกษาตั้งใจฟังที่อาจารย์สอนให้เข้าใจในห้องเรียน สงสัยอะไรถามให้เคลียร์โดยไม่อายเพื่อน พอถึงช่วงสอบก็อ่านหนังสือด้วยความตั้งใจรอบเดียวก็จบ เอาเวลาที่เหลือไปฝึกทำโจทย์ และไปอ่านวิชาอื่นได้ ไม่ต้องอ่านวนซ้ำหลายรอบ ไม่ต้องกลับมาเสียเวลาเรียนซ่อมใหม่ในเทอมหน้า

จำไว้ว่าจะลืมเวลาได้ ต้องปรับโหมดเป็นคนเข้มข้นเท่านั้น เพราะจะทำให้เสร็จก่อนเวลาเสมอ แต่ถ้าอยู่ในโหมดสล็อตเรื่อยเปื่อย ผลลัพธ์ที่ได้จะตรงกันข้ามทันที

4. ทีม… เป็นที่พึ่งของเรา

ในเมื่อคนเราไม่ได้เกิดมาจากท้องแม่ด้วยตัวเอง ไม่สามารถแย่งกรรไกรจากคุณหมอมาตัดสายสะดือเองได้ (ถ้าเป็นอย่างงั้นทุกคนในห้องคลอดคงกรี๊ด) ดังนั้นก็คงจะไม่น่าเกลียดถ้าคุณเรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นที่เชี่ยวชาญกว่าคุณในบางด้านบ้าง หรือมีทีมที่จะช่วยคุณทำงานให้มีประสิทธิภาพและประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น

ลองนึกภาพการทำธุรกิจ ถ้าร้านของคุณเปิด 24 ชั่วโมงต่อวัน คุณได้รายได้ประมาณวันละ 1 ล้านบาทไม่เกินนี้ ถ้าคุณมีร้านเดียวจะขายให้ตายยังไงก็ได้เต็มที่วันละ 1 ล้านบาท ถ้าคุณอยากจะขายให้ได้มากกว่านั้น คุณคงไม่สามารถตะโกนบอกผู้ควบคุมเวลาให้เพิ่มจำนวนชั่วโมงต่อวันได้ สิ่งที่คุณทำได้คือ “ขยายสาขา” ซึ่งทำให้ร้านของคุณมีรายได้ 2 ล้านบาทต่อวัน เทียบเท่ากับการทำงาน 48 ชั่วโมง

ในภาพส่วนตัวก็เช่นกันหากอยากได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น ลดการใช้เวลาที่ไม่จำเป็นมากขึ้น การมีทีมที่ดีก็จะสามารถช่วยคุณได้ เช่นในการเขียนหนังสือ คุณมีหน้าที่เขียนต้นฉบับ ส่วนหน้าที่ตีพิมพ์กับวางขายเป็นของสำนักพิมพ์ คุณก็จะได้เอาเวลาไปโฟกัสกับการเขียนหนังสือเต็มที่ ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะเอากระดาษอาร์ตมันเงาหรือจะอาร์ตด้าน หรือจะเอาปกสีอะไรดี

การมีทีมที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นตัวคนเสมอไป แต่อาจหมายถึงการมีเครื่องมือดี ๆ มีฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เจ๋ง ๆ ทำงานคู่กายได้อย่างรวดเร็ว ราคาแพงหน่อยแต่คุ้มค่า เป็นต้น

5. จัดระเบียบ Social Media ให้ดี

ในยุคนี้ Social Media ถือได้ว่าเป็นตัวแม่แห่งการกินเวลาของเรา คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะเห็น ๆ กันอยู่ คุณจะต้องจัดระเบียบมันให้ดี อะไรที่ควรตั้งแจ้งเตือน อะไรควร Mute ปุ่มไหนถ้าไม่ว่างจริง ไม่ควรกดเข้าไป อย่างเช่นใน Instagram ปุ่มที่อันตรายมากคือไอคอนแว่นขยาย หรือ Search เพราะทันทีที่คุณกดปุ่มนั้น ก็มีรูปภาพมากมายจาก Account ที่คุณไม่ได้ Follow แต่ Instagram มองว่าคุณอาจจะสนใจและช่วยคุณเผาเวลาเล่นด้วยการแตะดูรูปนั้นรูปนี้

การบริหารเวลาเครดิตรูปภาพ คลิก

IG Story หรือ การ Tag รูป ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน คุณอาจจะเห็นการรีสตอรี่หรือรูปของเพื่อนที่ Tag รูปกับใครสักคนที่ดูดีมาก ๆ แล้วคุณก็กดไปดูรูปคน ๆ  นั้นพร้อมสืบประวัติต่าง ๆ จนเพลิน แถมกดไปดูอีกว่าเขา Tag ใครต่อบ้าง รู้ตัวอีกทีตีสามแล้ว ยังไม่นอน

ระวังดี ๆ นะคะ จัดระเบียบ Social Media ให้ดี ก่อนที่มันจะเขมือบเวลาของคุณ ไม่ใช่แค่ IG นะ Facebook กับ YouTube ก็แสบใช่ย่อย

6. สวมวิญญาณ Minimalist

ช่วงนี้กระแส Minimalist กำลังมาแรง Minimalist หรือ Minimal คือการตัดทอนรายละเอียด ความซับซ้อนต่าง ๆ ออกให้เหลือน้อยที่สุด เรียบง่ายที่สุด การจัดบ้านโดยทิ้งของไม่จำเป็น การเลือกใส่เสื้อผ้าสีเรียบ ๆ ซ้ำ ๆ กัน การทำงานด้วยอุปกรณ์ไม่กี่อย่าง เป็นตัวอย่างของ Minimalist แล้วมันเกี่ยวกับการบริหารเวลาอย่างไร? คำตอบคือแนวคิด Minimal ช่วยให้เราประหยัดพลังงานไปกับการคิดและการตัดสินใจในสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น ไม่ต้องคิดว่าวันนี้จะใส่เสื้อสีอะไร เพราะมีสีเดียวกันหมด ไม่ต้องเสียเวลาเลือกว่ามือเช้าจะกินอะไร ไม่ต้องเสียเวลาควานหาข้าวของเครื่องใช้ เพราะมีแค่ไม่กี่อย่างในบ้าน ที่สำคัญคือบ้านไม่รก

การบริหารเวลาเครดิตรูปภาพ คลิก

การสวมวิญญาณ Minimalist จะทำให้เราไม่เป็นคนคิดเยอะเกินไป เพราะการคิดเยอะเกินไปจะทำให้เราไม่สามารถลงมือทำอะไรได้เลย ณ ปัจจุบันผู้เขียนมีบทความใน Blog ทั้งหมด 180 บทความ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสำหรับคนเริ่มต้นเขียนเพียงไม่กี่เดือน ด้วยเหตุผลง่าย ๆ เลยคือไม่คิดเยอะ คิดอะไรได้ก็เขียน แม้จะไม่ได้ดีหรือสมบูรณ์แบบที่สุดก็ตาม

7. ใช้เสียงเพลงเป็นตัวจับเวลา

การตรงต่อเวลาเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของการบริหารเวลาที่ดีและเพื่อไม่ให้กินเวลางานอื่นมากเกินไป “การจับเวลา” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี และที่ดีกว่านั้นก็คือ “การจับเวลาด้วยเสียงเพลง” เพราะตาของเราไม่จำเป็นต้องมองนาฬิกาตลอดเวลาแค่ฟังเสียงเพลงว่ามันใกล้จะจบหรือยังเท่านั้น นอกจากนี้จังหวะของเพลงยังช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและไม่ตึงเครียดจนเกินไป ถ้าคุณอยากจะแต่งหน้าภายใน 15 นาที คุณสามารถกำหนดได้ง่าย ๆ เลย คุณจะแต่งหน้าให้เสร็จภายในสามเพลงจบ เพลงแรกยิงชิล เพลงที่สองเริ่มตบรองพื้นแรงขึ้น เพลงที่สามระวังคิ้วไม่เท่ากันนะคะ

หรือถ้าคุณจะต้องเดินให้ถึงออฟฟิศภายใน 5 นาที พอลงรถไฟฟ้าคุณก็ลองหาเพลงที่มีความยาวประมาณ 5 นาทีฟัง แล้วรีบวิ่งไปออฟฟิศให้ทันก่อนที่เพลงจะจบ คุณก็จะสามรถมาทำงานตรงเวลอย่างฉิวเฉียด

การบริหารเวลาเครดิตรูปภาพ คลิก

แล้วถ้าต้องรอลิฟท์นานล่ะ? … อันนี้ก็ซวยไปค่ะ

และทั้งหมดนี้ก็คือเคล็ดลับการบริหารเวลาที่ทำให้ 1 วันดูเหมือนมี 48 ชั่วโมง ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมและนำไปปรับใช้กันได้นะคะ อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การบริหารเวลา แต่อยู่ที่ว่าจะบริหารเวลาไปเพื่ออะไร

ขอให้สนุกกับการใช้เวลาอย่างคุ้มค่านะคะ

โอ้

IG : ohkansiri

Facebook : fb.me/justlearntogether

Fan Page : fb.me/ohkansiri

YouTube : https://bit.ly/2PpkbZu

Website : http://justlearntogether.com/

Blog : https://cities.trueid.net/@8408

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
OhKansiri
OhKansiri
อ่านบทความอื่นจาก OhKansiri

In-trend Influencer ชอบเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ IG : ohkansiri / เพจ : เรียนรู้ไปด้วยกันนะ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์