บทเรียนอันล้ำค่า จากภูผาสู่ตะวัน (ภูผา)-------บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้ มีสิ่งอัศจรรย์มากมาย มันกำลังเคลื่อนตัวไปพร้อมกับระบบสุริยะจักรวาล ในขณะที่กาแล็กซีทางช้างเผือก เคลื่อนที่สัมพันธ์ไปกับกาแล็กซีอื่น ๆ ทั่วเอกภพ ที่มีดวงดาวนับหมื่นแสนล้านดวง โห..มันช่างยิ่งใหญ่อลังการจริง ๆ นี่แค่กาเล็กซีเดียวนะ ไม่อยากจินตนาการว่า ในเอกภพนี้มันจะสิ้นสุดลงตรงไหนแต่... มนุษย์ผ่านการเวียนว่าย ผ่านยุคสมัยมาสู่ยุคพัฒนา กลับมองไม่เห็นค่าว่าตัวเรามันช่างวิเศษ ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าแปลกประหลาดเสียจริง นี่เราท่องจักรวาลทุก ๆ วัน โดยไม่เคยได้ย้อนกลับมาที่เดิม ตลอดอายุขัยของเรา ใช่แล้ว... เราไม่เคยย่ำอยู่กับที่เลย เว้นเสียแต่เรารู้สึกไปเองว่า อะไรก็ซ้ำ ๆ เดิม ๆ ผู้เขียนเองรู้สึกตื่นเต้น เมื่อทราบว่าระบบสุริยะของเรา ไม่ได้หมุนอยู่กับที่ แต่เคลื่อนที่ไปพร้อมกับกาแล็กซีทั่วเอกภพ ฉันไม่เคยย่ำอยู่กับที่เลยเราไม่ได้อาศัยดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้ไปวัน ๆ แต่ทุก ๆ วัน มันเต็มไปด้วยการเรียนรู้อยู่ที่เราอยากจะรู้ หรืออยากวางเฉย นอกจากเราจะได้เรียนรู้กันและกันในหมู่มนุษย์แล้ว ซึ่งมันก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เรายังได้เรียนรู้จากระบบธรรมชาติของดาวเคราะห์นี้อีกด้วยวันนี้ผู้เขียนจะมาเรียนรู้ บทเรียนล้ำค่า จากภูผาสู่ตะวันภูผาสูงตระหง่าน ผ่านกาลเวลานับพันปี ผ่านเรื่องราวทุกยุคทุกสมัย ผ่านการเดินทางแห่งกาลเวลา ภัยพิบัติจะร้ายแรง ผู้คนจะบ้าคลั่ง เข่นฆ่า ทำสงคราม โลกจะวุ่นวายแค่ไหน แต่ภูผาก็ไม่เคยไหวติง สายลมเบา ๆ พัดปะทะ หรือพายุร้ายแรงความเร็วแค่ไหน ภูผาก็ยังไม่คลอน มันตระหง่านอยู่เช่นนั้น สงบนิ่งอยู่เยี่ยงนั้น มันช่างสุขุมคัมภีรภาพ ประหนึ่งกำลังนิ่งสงบ และมองดูความเป็นไปของมนุษย์โลกเวลาเดินทางไปไหนก็ตาม ผู้เขียนชอบมองภูเขาใหญ่ ภูผาน้อย เรียงรายตระหง่านให้ความรู้สึกถึงความนิ่งและมั่นคง ดูซิมันนิ่งได้ มันยิ่งใหญ่ได้ ไม่ได้วุ่นวาย ไม่ได้ร้อนรน กลับมาคิดถึงตัวเรา เรายังยิ่งใหญ่ไม่พอ เรายังสุขุมไม่พอ เรายังนิ่งไม่พอ..ถ้าใจเรานิ่งอย่างภูผา เราจะยิ่งใหญ่ และมองเห็นความเป็นไปของโลกมนุษย์เรื่องราวของมนุษย์นั้นมันมากมาย ความวุ่นวายไม่เคยจบสิ้น แต่สรรพสิ่งมันก็เป็นเช่นนั้นเอง โลกกำลังเปลี่ยนแต่ภูผาไม่เปลี่ยน มนุษย์เปลี่ยนยุคสมัย แต่ภูผายังคงตระหง่านเป็นพันปี เราเองเจอเรื่องราวมากมาย ก็โอนอ่อนเอนเอียงไปซะหมด กิเลสมา ปัญญาหด ความโลภ ความหลง ความอยาก ล้วนสร้างแต่ความวุ่นวาย ภายในก็ว่าวุ่นแล้ว ปัจจัยภายนอกนั้นวุ่นซะยิ่งกว่า แค่ครอบครัว แค่สังคมเล็ก ๆ ก็วุ่นวายมากพอ ประสาอะไรกับความวุ่นวายของมนุษย์ เจ็ดพันกว่าล้านคน ที่อยู่บนดาวดวงนี้ คิดอีกที แต่ละวันมันจะวุ่นขนาดไหน บางที.. ที่เราบอกว่าวุ่นวาย ไม่ใช่อะไรที่ไหน มันก็แค่ใจของเราเท่านั้นเองเราไม่นิ่งพอ เราไม่สงบพอ เราไม่มองโลกให้รอบด้านพอ เราไม่เรียนรู้ให้มากพอ ธรรมชาติมีบทเรียนให้มนุษย์อย่างเราทุกวัน แต่เราก็เพิกเฉย เข้าใจคำว่าธรรมชาติเป็นเรื่องธรรมดา พอเห็นเป็นธรรมดา คุณค่าสรรพสิ่งรอบตัวก็ลดลงแต่ถ้าได้ครุ่นคิด ได้วิเคราะห์ ชีวิตเราก็เรียนรู้จะอยู่จากธรรมชาติได้ทุกอย่างตั้งแต่ลืมตา จนหลับตานอน อย่าว่าแต่ภูผาเลย ตะวัน จันทรา เมฆา สายฝน ต้นไม้ ใบหญ้า นกกา สรรพสัตว์ ก็ยังมีบทเรียนให้เราทั้งสิ้นเมื่อเรานิ่งพอเราจึงจะมองเห็นความหมาย และบทเรียนอันล้ำค่าจากธรรมชาติ เมื่อมองภูผาครั้งต่อไป เราคงจะนิ่งได้มากขึ้น ไม่ได้นิ่งซะจนไม่ไหวติง แต่ให้นิ่งให้สงบ แล้วสยบทุกความเคลื่อนไหว(ภายใน) เรียนรู้สรรพสิ่งให้แจ้งใจ ทุกความเคลื่อนไหวเริ่มที่สงบ! เมื่อสงบจึงเคลื่อนไหว เมื่อสิ้นเคลื่อนไหวจึงสงบจากนี้ไป ลองมองธรรมชาติรอบข้างด้วยความเข้าใจ บางทีเราอาจจะพบคำตอบบางอย่าง ที่อาจเปลี่ยนความคิดเราไปตลอดกาล บทเรียนอันล้ำค่า จากภูผาสู่ตะวัน (ภูผา)ขอบคุณจักรวาล ขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณผู้รู้ ขอบคุณดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ขอบคุณสรรพสิ่งที่พบเจอโอม นวัตรา Cr.รูปภาพ-ภาพปกต้นฉบับ : Tipchai / Pixabay -รูปภาพที่ 1 : WikiImages / Pixabay-รูปภาพที่ 2 : WikiImages / Pixabay -รูปภาพที่ 3 : pladicon2012acacias / Pixabay -รูปภาพที่ 4 : Simon / Pixabay-รูปภาพที่ 5 : Cindy Lever / Pixabay-รูปภาพที่ 6 : mohamed Hassan / Pixabay