ต้องเกริ่นกันก่อนว่า ผมนั้นไม่ได้เป็นผู้นำที่ถึงขั้นเคยเป็นถึงระดับหัวหน้าที่โด่งดังอะไรมากระดับนั้นอีกนะครับ แต่ผมก็มักได้รับโอกาสมากมายให้ได้ทำหน้าที่เป็น หัวหน้า ในหลาย ๆ ครั้งซึ่งมันก็ได้ทำให้ผมนั้นได้สะสมประสบการณ์มากมายสำหรับหน้าที่นี้ ถึงแม้ผมจะไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีที่สุดได้ แต่ผมก็ได้เก็บรวบรวม หลักการคิด หลักการปฏิบัติ จากประสบการณ์ตรงของตัวผมเอง และ จากผู้นำที่ประสบความสำเร็จมากมาย ที่ผมได้รวบรวมไว้ เพื่อหากวันหนึ่งจะสามารถนำไปให้คำแนะนำแก่คนอื่น ๆ ที่มีสนใจในศาสตร์ของผู้นำ จุดนี้เองผมจึงคิดว่าจะสามารถเขียนในสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ เพื่อให้คนที่สนใจได้อ่านกัน เราจะมาดูว่าเราต้องคิดอย่างไร เมื่อเราเป็นผู้นำ และเราต้องเจอกับสิ่งใดเมื่อเราเป็นหัวหน้า1.หัวหน้าต้องรู้จักการทำงานเป็นทีม(รูปภาพ : pixabay.com) ยอมรับเลยครับว่าช่วงแรกที่ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้า มันเป็นงานที่เหนื่อยมาก ๆ เพราะช่วงเเรก ๆ ผมพยายามที่จะทำทุกอย่างเองคนเดียวซึ่งบางครั้งสิ่งที่ผมทำผมแทบไม่มีพื้นฐานในเรื่องนั้นด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่และด้วยที่ผมนั้นติดนิสัยขี้เกรงใจอยู่บ้าง(ช่วงแรก ๆ ) บวกด้วยผมนั้นไม่ค่อยไว้ใจที่จะให้คนอื่นทำเท่าไร จึงพยายามทำทุกอย่างคนเดียวทั้ง ๆ ที่มีทีมงาน ผมทำตั้งแต่งานเขียนรายงาน งานพูด ถึงแม้กระทั่งงานไดคัท ซึ่งมันทำให้ผมเหนื่อยมากและชิ้นงานแต่ละชิ้นก็ออกมาไม่ดีเลย นั้นเองจึงทำให้ผมเริ่มทบทวนในสิ่งที่ผมต้องทำจริง ๆ อีกครั้ง ผมจึงลองแบ่งงานให้ภายในทีมนั้นทำกันตามความถนัดของแต่ละคนด้วยความไว้ใจดูบ้าง(แต่ผมก็คอยให้คำแนะนำสำหรับสิ่งที่พวกเขาไม่แน่ใจ) จนกระทั่งเมื่องานแต่ละชิ้นนั้นเสร็จลง งานที่พวกเขาทำนั้นแม้ผมจะไม่ค่อยไว้ใจแต่ผลกลับออกมาขั้น ดีมาก และก็ทำให้ผมได้เหลือเวลาให้ผมได้ไปโฟกัสในสิ่งที่หัวหน้าควรทำจริง ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่หัวหน้าแต่ละคนต้องทำจริง ๆ แล้วไม่ใช่การพยายามทำทุกอย่างทั้งหมดเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่หัวหน้าต้องทำจริง ๆ นั้นคือ การที่ทำให้ทีมนั้นได้ทำงานเป็นทีมให้ได้มากที่สุด 2.สร้างจุดยืนที่ชัดเจน(รูปภาพ : pixabay.com) หัวหน้าแต่ละคนนั้นมักมีจุดยืนที่ชัดเจนของเเต่ละคนใช่ไหมละครับ เรามักจะเห็นจุดนี้ที่ชัดเจนมากที่สุดของการเป็นผู้นำ แต่ก็นั้นแหละครับสำหรับมือใหม่ที่เพึ่งได้รับตำแหน่งมา ก็มักจะทำตัวไม่ถูกคิดว่าเราต้องทำตามทุกอย่างที่เขาบอกเพราะเขาเลือกเรามาแล้วนั้นถือว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญสำหรับหัวหน้ามือใหม่หลาย ๆ ท่านเลยครับ จึงทำให้การทำงานของเราดูมั่วซั่วไม่เข้ารอยและบางครั้งก็มักไม่ถูกต้องกับจุดยืนของเราเท่าไร และยังทำให้ผู้ตามไม่มั่นใจว่าในแนวทางของเราจนอาจทำให้ คนที่จะเสนอไอเดียดี ๆ นั้นไม่กล้าที่จะเสนอกับเราเพราะยังไม่เห็นจุดยืนที่ชัดเจนของเรา เพราะอย่างนั้นเมื่อเราได้รับตำแหน่งนี้มาแล้วก็จงมั่นใจในสิ่งที่พวกเขาเลือก จงเป็นหัวหน้าในแบบที่ตัวเองอยากจะเป็นไม่ใช่ ทำตามในสิ่งที่คนอื่นบอกให้เป็น จะเห็นได้ว่าเราจำเป็นอย่างมากในการที่จะสร้างจุดยืนของเราที่เข้มแข็งแต่ยืดหยุ่นให้ผู้ตามของเราไม่เสียใจที่เลือกเราเป็นผู้นำ 3.แก้ปัญหาให้ถูกจุด(รูปภาพ : pixabay.com) ทุก ๆ การทำงานของผู้นำแล้วนั้น สิ่งที่เราต้องเจอหากจะเปรียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว คงแบ่งได้เป็น การลงมือทำ 10% กับการแก้ไขปัญหาอีก 90% ได้เลยละครับ เพราะงานหลัก ๆ ของหัวหน้าคือการรับผิดชอบต่องานและลูกน้องของเรา การแก้ไขเลือกวิธีแก้ไขปัญหาของเเต่ละผู้นำจึงทำให้เกิดความแตกต่างขึ้น และเพราะอย่างนั้นทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เมื่อเกิดปัญหาขึ้นผู้นำจำเป็นอย่างมากที่จะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เห็นผลเร็วที่สุด หากเปรียบเป็นบาดแผลก็เปรียบเสมือนเราต้องห้ามเลือดให้หยุดไหลให้ได้เร็วมากที่สุดและเห็นผลอย่างชัดเจน เลือกวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เห็นผลชัดเจนและเร็วที่สุด หลักการคิด1.ขยายคุณค่าของ "เป้าหมาย" ในการทำงาน ให้ลูกน้องเห็น(รูปภาพ : pixabay.com) เราคงเคยเห็นผู้นำที่หลากหลายกันมาบ้างใช่ไหมละครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำแบบเผด็จการหรือผู้นำแบบประชาธิปไตย ซึ่งมันก็เหมาะกับประเทศและเหตุการณ์ที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ แต่เสียงส่วนมากของประชากรโลกต่างก็มีเสียงเหมือน ๆ กันคือต่างชอบในผู้นำประชาธิปไตย แต่ถึงแม้เสียงส่วนมากจะเป็นแบบนั้น ก็ยังมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นในบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งอย่าง แอปเปิล ซึ่งเมื่อก่อนนำโดย สตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเขาเองนั้นไม่ได้ถือว่าเป็นผู้นำแบบประชาธิปไตยเลยกลับกันยังถือว่าเป็นผู้นำชนิดที่ถือว่าความคิดของตัวเองถูกต้องที่สุดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมองดูผู้คนในบริษัทแอปเปิล ในช่วงนั้นผู้คนกลับหลงใหลและชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก จนเมื่อเราไปศึกษาและสังเกตบรรดาพนักงานของบริษัทเขา จึงได้ทราบมาว่าถึงเเม้เขาเองจะเป็นผู้นำที่โคตรเอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นสตีฟ จ็อบส์เองเขามีความเก่งที่มีเสน่ห์ และสิ่งสำคัญคือเขาสามารถชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของเป้าหมายของการทำงานของพวกเขา และเพราะอย่างนั้นอีกหนึ่งหน้าของเราคือการทำให้ลูกน้องของเราได้เห็นคุณค่าของงานในสิ่งที่เขาทำ แม้ว่างานของเขาจะเป็นงานที่เล็กแค่ไหนแต่หากเขาสามารถเห็นถึงเป้าหมายของงานของเขาจึงทำให้เขารู้สึกมีส่วนร่วมในการทำงานของเขา 2.การวางตัวให้เป็น ถือเป็นอีกหนึ่งการแสดงความรัก(รูปภาพ : pixabay.com) บ่อยครั้งหัวหน้าที่มักสนิทมาก ๆ กับลูกน้องมักติดกับดักชิ้นใหญ่ อย่างการที่ลูกน้องไม่เคารพผู้นำและไม่เกิดความเกรงใจต่อผู้นำ ผู้นำรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งมามักจะพยายามทำให้สนิทกับลูกน้องมากที่ที่สุดโดยลืมการวางตัว ทำให้เมื่อลูกทำผิดหรือเมื่อเราอยากให้คำแนะนำแก่ลูกน้อง ด้วยความสนิทที่มากเกินไปทำให้ลูกน้องไม่เคารพ และไม่ยอมรับฟัง ทำให้บางครั้งความสัมพันธ์ที่เราต้องการให้มันดีขึ้นนั้นกลับแย่ลง จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องเว้นระยะห่างระหว่างลูกน้องให้ดี หรือเรียกว่าการว่างตัวให้เป็น 3.เลือกยืดหยุ่น แต่ทำให้เด็ดขาด(รูปภาพ : pixabay.com) ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญและถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับผู้นำที่ดี แต่รู้ไหมครับสิ่งที่ผู้นำที่ดีนั้นขาดไปกลับไม่ใช่ความยืดหยุ่นแต่กลับเป็น ความเด็ดขาดต่างหากที่ผู้นำหลาย ๆ คนนั้นขาดไปและมักทำให้งานต้องเสียหาย อย่างเมื่อบริษัทมีปัญหาขาดแคลนงบจนต้องลดจำนวนพนักงานเพื่อให้บริษัทสามารถไปต่อได้นั้น จำเป็นต้องใช้หัวหน้าที่เด็ดขาดเพื่อตัดสินว่าต้องจะไล่พนักงานออก ซึ่งหัวหน้าหลาย ๆ คนนั้นมักขาดคุณสมบัตินี้ ในโลกปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเป็นอย่างมากจึงจำเป็นเป็นอย่างมากที่ต้องมีผู้นำที่เด็ดขาด เพื่อมารับมือกับความไม่แน่นอนของโลกยุคใหม่นี้ จบกันไปแล้วสำหรับบทเรียนที่ผมได้รับมาจากการเป็นหัวหน้าหวังว่าเพื่อน ๆ จะได้รับประโยชน์จากมันอย่างมากที่สุดนะครับ