"พี่ ๆ ผมอยากสัมภาษณ์พี่ครับ ... " ผมบอกกับพี่ที่อยู่ตรงหน้าในร้านไอติมแห่งหนึ่งใช่ครับ ... ร้านไอติม พี่เค้าเปิดร้านขายไอติม+เต้าหู้ทอด !! แล้วมันจะเกี่ยวยังไงกับเรื่องกล้อง และการถ่ายรูปละเนี่ย..เกี่ยวสิครับ ดูรูปพี่เค้าที่ติดในร้านซะก่อนนะ"ได้...มาเลย" พี่นุ ตอบเสียงดังอย่างใจดี"เอาวันนี้เลยไหมละ" พี่นุถามเยี่ยมเลย... ผมคิดในใจ"พี่นุ" หรือ "พิษณุ โถยอด" อดีตช่างภาพที่เคยมีผลงานฝากไว้ในยุคของการเล่าเรื่องผ่าน กล้องฟิล์ม มาจนถึง ยุคดิจิทัล เป็นช่างภาพแนวสารคดีที่ไม่น่ามองข้าม ปัจจุบันมาเป็นฟรีแลนซ์ รับงานถ่ายภาพ VDO Present และเป็นอาจารย์สอนถ่ายภาพ รวมทั้งเปิดร้านขายไอติม+เต้าหู้ทอดด้วยผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าถ้าอยากถ่ายรูปให้เก่ง ๆ อยากถ่ายรูปให้ออกมาดูดี วิธีการหนึ่งก็คือ "การศึกษาจากรุ่นพี่ ๆ ช่างภาพในระดับมืออาชีพ" พี่มาเป็นช่างภาพได้ยังไงครับ.พี่นุ : "พี่อยากเล่าเรื่องด้วยภาพ แต่เป็นคนวาดรูปไม่เก่ง เลยตัดสินใจว่าจะเรียนถ่ายรูป และได้เข้าเรียนสื่อสารมวลชนที่กำลังฮิตในสมัยนั้น"อยากเป็นช่างภาพเก่ง ๆ ต้องทำยังไงครับ.พี่นุ : "การเป็นช่างภาพมันไม่ใช่แค่เรื่องคุณรู้ว่า คุณจะกดชัตเตอร์ตรงไหน หรือว่าคุณจะเปิดเอฟเท่าไหร่ชัตเตอร์ Speed เท่าไหร่ ISO เท่าไหร่ ไอ้พวกนี้มันควรจะอยู่ในหัวคุณเป็นอัตโนมัติ "คนที่เค้าเก่ง ๆ ทุกคน เค้าเห็นภาพสำเร็จก่อนถ่ายกันทั้งนั้นตอนพี่ถ่ายพี่มีเทคนิคยังไงครับ.พี่นุ : " ผมใช้โหมด A (AUTO) ผมไม่ได้เคยไปใช้โหมด M ยกเว้นแต่ว่าเราจะถ่าย Time Lapse หรือจะใช้ไฟสตูดิโอ ซึ่งเราต้องกำหนดเองทุกอย่าง แต่เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่เราต้องถ่ายเนี่ย ผมใช้โหมด A ผมแค่ตัดสินใจว่าผมจะใช้รูรับแสงเท่าไหร่ ให้ชัดจากไหนถึงไหน ลดการคิดเรื่องพวกนี้ให้มากที่สุด แล้วไปคิดเรื่ององค์ประกอบแทน เรื่อง point of view ว่าผมจะยกขึ้นสูงอีกหน่อย หรือว่าข้างหลังมันมีอะไรรกไหม อะไรอย่างเงี้ยเราจะไปมองให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนั้นมากกว่า" ที่นี่เมื่อเราเป็นช่างภาพเนี่ย ถามว่าเรารู้แค่นี้พอไหม..ไม่พอถ้าแบบนั้นหมายความว่าช่างภาพไม่ได้ถ่ายได้ทุกแนวหรือเปล่าครับ.พี่นุ : " ใช่ ... เชื่อไหมผมถ่ายนกไม่ได้ คือถ้าปล่อยผมเข้าป่าคนเดียว กับอุปกรณ์แพงที่สุดในโลกเลยก็ได้ ผมหานกไม่เจอ… ปัญหามันอยู่ตรงนั้น แปลว่าเมื่อคุณอยากจะเป็นช่างภาพถ่ายสัตว์ป่า คุณก็ต้องศึกษาธรรมชาติ ศึกษาชีวิตนก ศึกษาความเป็นอยู่ของมัน มันชอบกินอะไร ไอ้นกสายพันธุ์นี้ มันกินอะไร เวลาไหนที่มันออกหากิน ไม่งั้นเราถ่ายไม่ได้""ก็เหมือนกันเวลาที่เราไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ถ้าเราไม่รู้เลยว่าจุดไหนมันดี หรือว่าพระอาทิตย์จะตกกี่โมง วันนี้จะมีฝนตกไหม วันนี้ท้องฟ้าน่าจะสีอะไร เราไม่รู้เนี่ยมันก็เหนื่อย แล้วก็อีกอย่างก็คือ ช่างภาพเนี่ยควรจะเป็นคนที่อ่านเยอะอ่านให้มาก อ่านความรู้รอบตัว อ่านธรรมะ อ่านปรัชญาชีวิต อ่านวิทยาศาสตร์ เพราะพวกนี้มันเสริมจินตนาการคุณหมด มันคือทรัพยากรที่มันอยู่ในหัว มีคนเคยถามผมว่า ตอนพี่ถ่ายพี่คิดอะไรผมไม่ได้คิดมันไปของมันเอง"มีตัวอย่างของภาพที่อาศัยจิตนาการหรือเปล่าครับพี่นุ : "อย่างภาพขอทานที่มีโบเก้อยู่ข้างหลัง เมื่อเราเห็นขอทานนั่งอยู่ แล้วถือขันอยู่เฉย ๆ นะรูปเนี้ย .. ผมใส่จินตนาการลงไปว่า โบเก้ที่อยู่ข้างหลังเนี่ย มันเหมือนเหรียญที่ตกลงมาในขันของขอทาน ของจริงมันไม่มีโบเก้ แต่พี่รู้ว่าถ้าถ่ายด้วยเลนส์แบบนี้มันจะมี เราเห็นอะไรแว๊บแว๊บ ๆ อยู่ข้างหลังเนี่ยเราก็ต้องคิดแล้วว่า ถ้าเราใช้เลนส์ 85 mm f 1.4 ถ่ายแล้วก็ขยับมุมเล็กน้อย ให้มันพอดีกับขันนี้พอดี เราใช้ F กว้างสุดพอดี มันก็น่าจะได้โบเก้ที่มันมาลงที่ขัน อะไรอย่างเงี้ย หรือเราก็คิดว่า นี่มันคือพรจากพระเจ้าหรือเปล่า มันก็มีเรื่องของแนวคิดปรัชญาอะไรต่าง ๆ เข้ามาเสริม "ตรงนี้มันทำให้เห็นว่าหลาย ๆ ครั้งเนี่ยเรื่องของเทคนิคมันจะตามมาหลังจากเรามีจินตนาการ จิตนาการสำคัญกว่าเทคนิคหรือเปล่าครับ.พี่นุ : " จินตนาการมันสร้างให้เกิดเทคนิค มันทำให้เรารู้ว่าเราจะใช้อะไรเพื่อให้ได้เทคนิคนี้ แล้วก็ได้ภาพสำเร็จตามที่เราจินตนาการ เหมือนเราขับรถ เราหัดขับใหม่ ๆ เนี่ย คนขับเกียร์ธรรมดาก็น่าจะรู้นะว่าทุกอย่างต้องคิดหมดเลย แต่คุณก็ยังงก ๆ เงิ่น ๆ งก ๆ เงิ่น ๆ จะเหยียบคลัช จะปล่อยคลัช ระดับไหน ผ่านไป 1 ปี 2 ปี คุณขับรถเป็นแล้ว แล้วถามว่าคุณเคยต้องไปนั่งคิดไหม ว่าคุณจะเหยียบคลัชตอนไหน มันหายไปแล้ว .. เมื่อคุณฝึกฝนมัน จนกระทั่งมันเป็นอัตโนมัติหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณยังฝึกฝนต่อฝึกฝนต่อตรงนี้ไปเรื่อย ๆ คุณก็อาจจะไปเป็นนักแข่ง "" เหมือนช่างภาพที่ วันนี้คุณมีกล้องตัวนี้ อยู่คุณก็ต้องฝึก คุณต้องใช้มันชัตเตอร์สปีดแบบนี้มันให้ effect แบบนี้ชัตเตอร์สปีดช้าแบบนี้ ชัตเตอร์สปีดเร็วแบบนี้ iso แค่นี้มันให้เกรนแบบนี้ iso สูง มันให้เกรนแบบนี้เมื่อคุณฝึกมันไป มันไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่ชอบคุณก็ลบ สมัยนี้ สมัยก่อนมันเปลืองฟิล์มแต่สมัยนี้..คุณไม่ชอบคุณก็ลบ ฝึกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคุณคิดว่า คนที่เขาเก่ง ๆ ทุกคน เค้าเห็นภาพสำเร็จก่อนถ่ายกันทั้งนั้น เค้าเห็นเลยว่าถ้าคุณใช้เลนส์ตัวนี้ effect แบบนี้จะเกิดขึ้น เมื่อคุณเข้าใจอุปกรณ์เข้าใจ effect ที่จะเกิดขึ้น จากค่าต่าง ๆ ของกล้องคุณเนี่ยคุณจะดีไซน์ด้วยตัวคุณเองว่าคุณจะไปอยู่ตรงไหน "จากการคุยวันนั้นผมได้เรื่องดี ๆ ของการถ่ายรูปมาอีกหลายอย่าง ส่วนใหญ่อาจจะไม่ใช่เทคนิคในการถ่ายรูป แต่เป็นแนวความคิดที่ดี ๆ ที่อยู่เบื้องหลังภาพสวยๆ เหล่านั้น และมันทำให้เราสร้างงานดี ๆ ออกมาอีกที ติดตามงานของพี่นุได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างครับFacebook พี่นุ : https://www.facebook.com/PisanuThoyod 500 PX : https://500px.com/pisanu_thoyodวีดีโอบทสัมภาษณ์นี้ที่ลิ้งค์ https://youtu.be/8v46E7e2aWwที่มาภาพ : ภาพที่ 1 - 2 โดยผู้เขียน / ภาพที่ 3 โดยพิษณุ โถยอด / ภาพที่ 4 โดยผู้เขียนบทความอื่นๆ ของผู้เขียน https://creators.trueid.net/@31939https://creators.trueid.net/@48036