ในอดีตคนที่มีอาการนิ้วล็อคมักจะพบในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีประวัติการใช้มือทำงานหรือกิจกรรมบางอย่างติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยพบว่าอาการนิ้วล็อคจะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย แต่ในปัจจุบันโลกพัฒนาเร็วขึ้นมากทำให้มีอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมาถือเป็นปัจจัย 5 สำหรับยุคนี้เลยทีเดียว ปัจจัย 5 ที่กล่าวถึงนั่นก็คือ "โทรศัพท์มือถือนั่นเอง" จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรก็มักจะเห็นผู้คนส่วนใหญ่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่แทบจะตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก ๆ ที่เกิดมาก็พร้อมจะเรียกหาแต่เจ้าจอสี่เหลี่ยม เคยสังเกตตัวเองกันไหมว่าในแต่ละวันใช้เวลาในการเล่นโทรศัพท์ประมาณกี่ชั่วโมงต่อวัน (ภาพถ่ายโดย Sound On จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/3756877/) จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้อัตราของคนที่มีอาการนิ้วล็อคพบได้บ่อยในวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน แทนกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากการใช้โทรศัพท์แทบจะตลอดทั้งวัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเราเล่นเกมส์ผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นเวลา 1 ชม. จะใช้มือในการกดที่หน้าจอโทรศัพท์วินาทีละ 1 ครั่ง เฉลี่ยชั่วโมงละประมาณ 3,600 ครั้งในท่าทางซ้ำ ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง/วัน หลายวัน/เดือน หลาย ๆ เดือน/ปี การใช้งานนิ้วมือซ้ำ ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานส่งผลให้ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ ทำให้มีอาการเจ็บร่วมกับการติดขัดขณะที่ขยับนิ้วมือ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "นิ้วล็อค" นั่นเอง (ภาพถ่ายโดย bongkarn thanyakij จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/3758925/) อาการแสดงของนิ้วล็อค 1. ในช่วงแรก ๆ จะมีอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณโคนนิ้วร่วมกับมีอาการปวดเมื่อขยับนิ้วมือ 2. หลังจากอาการปวด บวม แดง ร้อนลดลง การขยับนิ้วมือจะเริ่มติดขัดมากขึ้นร่วมกับมีอาการปวดทุกครั้งที่ขยับนิ้วมือ 3. ขยับนิ้วมือได้ลำบาก ต้องใช้นิ้วมือข้างปกติช่วยเหยียดหรืองอนิ้วมือข้างที่มีอาการนิ้วล็อค การรักษา(แพทย์) (ภาพถ่ายโดย Anna Shvets จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/3786154/) 1. ทานยาลดปวดร่วมกับการฉีดยาลดอาการอักเสบ 2. การผ่าตัดปลอกหุ้มเอ็นที่มีอาการอักเสบ **การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ การรักษา(กายภาพบำบัด) (ภาพถ่ายโดย Andre Moura จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/h2o-2499417/) 1. Paraffin Therapy หรือการรักษาโดยการจุ่มพาราฟิน จะช่วยลดปวด เพิ่มการไหลเวียนเลือดร่วมกับการเพิ่มความยืดหยุ่นของปลอกหุ้มเอ็นและเส้นเอ็นบริเวณที่มีอาการปวด การรักษาโดยการจุ่มพาราฟินจะได้ผลดีกับข้อต่อเล็ก ๆ หรือข้อต่อส่วนปลาย เช่น มือ เท้า ข้อศอก ซึ่งจะช่วยให้ความร้อนครอบคลุมพื้นที่การรักษาเล็ก ๆ เพิ่มการไหลเวียนเฉพาะจุดเล็ก ๆ ได้ดี 2. Ultrasound Therapy หรือการรักษาโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง จะช่วยลดปวดและเพิ่มการไหลเวียนเลือด 3. Laser Therapy จะช่วยลดปวดและเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ 4. การกดจุดเบา ๆ เพื่อคลายปลอกเอ็นหุ้มข้อบริเวณที่มีอาการปวดและอาการติดขัดขณะขยับนิ้วมือ **การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนักกายภาพบำบัด การดูแลตนเองที่บ้าน (Home program) (ภาพถ่ายโดย : https://www.pexels.com/th-th/photo/161477/) 1. แช่น้ำอุ่นประมาณ 20-30 นาที เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดและเพิ่มความยืดหยุ่นของปลอกหุ้มเอ็นและเส้นเอ็น 2. นวดคลึงบริเวณที่มีอาการปวดหรือติดขัด ประมาณ 10-15 นาที นอกจากวิธีดูแลตนเองที่บ้านเมื่อมีอาการนิ้วล็อคที่กล่าวมาข้างต้น ควรดูแลตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้นโดยการลดกิจกรรมเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของอาการนิ้วล็อค เช่น ลดจำนวนชั่วโมงในการเล่นโทรศัพท์มือถือให้พอดีกับการใช้ชีวิตประจำวัน, หากหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ได้ ให้พยายามหาช่วงพักขณะใช้โทรศัพท์มือถือโดยการพักมือและสายตาจากการเล่นโทรศัพท์มือถือทุก ๆ 2 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะพักโดยการเดินไปเข้าห้องน้ำหรือพักดื่มน้ำในช่วงเวลานั้นก็ได้ (ภาพปกโดย bongkart thanyakij จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/3758937/)