หน้าหนาวใครๆก็ขึ้นเหนือ แต่เราไม่ หนาวนี้เราลงใต้มาที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จริงๆไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้วางแผนจะมาเลย ย้อนกลับไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อนสิ้นปี 2562 เรานึกคึกอยากหาอะไรทำข้ามปีที่แตกต่างจากปีก่อนๆที่เราเคยทำมา เราก็นั่งทบทวนว่าปีที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว สวดมนต์ข้ามปีเอย จับของขวัญสังสรรค์กับครอบครัวเอย ไปตั้งแคมป์กับเพื่อนบ้างล่ะ จนปิ้งไอเดียว่าปีนี้อยากจะวิ่งข้ามปี เราก็ไม่รีรอโทรชวนแฟน แล้วช่วยกันหาว่าที่ไหนมีจัดงานวิ่งข้ามปีบ้างจนสุดท้ายมาเจอที่นครศรีธรรมราช การมานครศรีธรรมราชครั้งนี้เรามาพร้อมกับความลำบากเนื่องจากที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเราไม่ได้วางแผนจะมาแต่ในเมื่อสมัครวิ่งและจ่ายตังไปแล้วนั้นขั้นต่อไปคือหาวิธีการเดินทางเราไปกันโดยรถไฟ ซึ่งตอนแรกจะจองรถไฟตู้นอนแต่ช่วงเทศกาลแน่นอนว่าไม่มี เราได้รถไฟชั้น3นั่งเพลินๆ13ชั่วโมงจากเพชรบุรีไปยังปักษ์ใต้ โชคดีที่ไม่ใช่ครั้งแรกกับความลำบากเช่นนี้ แต่เราก็ชอบเสน่ห์ของรถไฟที่ได้เห็นวิว ทิวทัศน์สองข้างทาง ได้เห็นการดำเนินชีวิตของผู้คนแม้จะลำบากแต่ก็สนุกมากสำหรับคนที่ชอบความท้าทายอย่างเรา เราถึงนครศรีธรรมราชช่วงสายๆของวันที่ 30 เมื่อถึงแล้ว...ยังไม่ไปไหน นอนพักหนึ่งวันเต็มๆ ส่วนสองวันที่เหลือลุยเต็มที่ วันแรก เราไปกันที่วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร วัดนี้เป็นอีกวัดที่มีประวัติความเป็นมา ความสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เชื่อกันว่าได้นำมาจากเมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย หรือไม่ว่าจะเป็นดินส่วนหนึ่งจากสังเวชนียสถานซึ่งนั่นก็คือ ที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่ทรงแสดงปฐมเทศนา และที่ปรินิพพาน ไม่แปลกใจเลยว่าถ้ามานครศรีธรรมราชแล้วทำไมต้องมาไหว้พระเพื่อเป็นศิริมงคลที่นี่ ต่อไปเราตั้งใจไปทะเลกัน แต่โรงแรมที่เราพักอยู่ในอำเภอเมืองซึ่งไม่มีทะเล เราต้องขับมอเตอร์ไซค์ข้ามไปอีกอำเภอหนึ่งขับไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เจอทะเลจนกูเกิลแมปพาเข้าซอยหมู่บ้านก็ยังไม่เจอเลยชวนกันกลับเข้ามาที่ตัวอำเภอเมืองกลับมากินข้าวกลางวันและไปรับเสื้อวิ่งกันที่ศาลาประดู่หก จากนั้นจึงกลับที่พักเพราะที่ใต้ฝนแปดแดดสี่ใช่แล้วฟ้าครึ้มเมฆฝนเริ่มตั้งเค้าทางเราจึงต้องกลับที่พัก ได้ออกไปเที่ยวเอาวันสุดท้ายก่อนกลับ เรานั่งรถทัวร์กลับ รถออกเวลา 17:45 น. ระหว่างที่รอรถออกเราก็พากันแว้นเที่ยวในตัวเมือง ที่แรกที่ไปคือศาลหลักเมืองไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนอกจากจะได้ขอพรกันแล้วก็ยังมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆอีกด้วย สถานที่ต่อไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากกันสักเท่าไหร่ นั่นก็คือกำแพงเมืองเก่าของจังหวัดนครศรีธรรมราช กำแพงเมืองเก่าที่นี่จะคล้ายกับที่เชียงใหม่และแน่นอนว่าจะต้องมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกัน เราขอเล่าสั้นๆง่ายๆได้ใจความ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระราเมศวรได้ยกทัพไปตีล้านนาหลังจากทีตีล้านนาสำเร็จก็ได้กวาดต้อนชาวล้านนามาไว้ที่เมืองนครศรีธรรมราช ชาวล้านนาจึงเอาแบบอย่างกำแพงจากเชียงใหม่ มาสร้าง ซ่อมแซมกำแพงเมืองที่นครศรีธรรมราช ต่อจากกำแพงเมืองเดินมาอีกหน่อยจะเจออสวนสาธารณะศรีธรรมโศกราช ซึ่งด้านหน้าทางเข้าจะมีซุ้มประตูที่ดูเหมือนกับต่างประเทศ ภายในจะเป็นอนุเสาวรีย์ของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ซึ่งท่านเป็นกษัตริย์องค์แรกที่ครองเมืองนครศรีธรรมราชและยังเป็นต้นราชวงศ์ปทุมวงศ์ที่ได้สร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นมา และก่อนลาจากเมืองนครเราได้ไปบ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับวัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร บ้านหลังนี้เป็นอาคารเรือนปั้นหยาที่มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปี และยังเคยเป็นโรงเรียนให้เด็กๆได้เล่าเรียนกัน นอกจากนี้บ้านท่าขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ยังได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม ดีเด่น ปี 2556 อีกด้วย ใครที่อยากจะหลบหนีจากผู้คนหนาแน่นในช่วงหน้าหนาว หลงใหลในเรื่องราว ประเพณี วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราชก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ให้เราได้ค้นหา ได้เที่ยวพร้อมกับได้รับความรู้ไปด้วย ...ก่อนจากกันอยากบอกว่า ‘ติ่มซำที่นี่อร่อยมากกก’