ในช่วงของการกักตัวอยู่ที่บ้าน แน่นอนว่าทุกคนต้องคิดถึงความสุข ความสนุกสนานในการได้ท่องเที่ยวนอกบ้านในก่อนหน้านั้น และกลายเป็นความอยากที่จะบินออกจากบ้านไปเที่ยวเสียให้ได้ แต่ยังไงแล้ว เราคงต้องปฏิบัติตนตามกฏระเบียบของสังคม และเพื่อความปลอดภัย ในการหลุดรอดจากเจ้าเชื้อโควิด19 ของตัวเราเองให้ได้ แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนขณะนี้ต้องโหยหาอยากเที่ยว ๆ ไปทุกที่ให้เหมือนเดิมเร็ว ๆ นั่นเอง การท่องเที่ยวทำให้เราได้ผ่อนคลาย หากการผ่อนคลายนั้นได้ทั้งสุนทรียภาพ และความรู้ไปด้วยก็จะดีไม่น้อย สถานที่ท่องเที่ยวที่จะแนะนำหลังจากที่เราได้รับการปลดปล่อยจากการหลบเชื้อโควิด19 ที่จะให้เราได้ทั้งความสุข สนุกสนานและความรู้ก็คือ สวนส้มสายน้ำผึ้งห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สวนส้มธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด ไปติดตามกันค่ะ การเดินทางไปสวนส้มแห่งนี้ ขอบอกว่าพิกัดติดถนนสายขุนยวม แม่ฮ่องสอน เลยค่ะ เดินทางไม่ยุ่งยาก หมู่บ้านห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน นับเป็นหมู่บ้านที่มีสวนส้มที่กว้างใหญ่ ประมาณสี่ร้อยกว่าไร่ โดยมีชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำสวนส้มสายน้ำผึ้งกว่าสองร้อยราย นับว่าเป็นรายได้หลักของชุมชน และยังเป็นสินค้าโอทอปของตำบลอีกด้วย เพราะหากคิดถึงบ้านห้วยโป่ง ภาพสวนส้มสายน้ำจะลอยมาให้ท่านได้เห็นอยู่เสมอ รสชาติของส้มสายน้ำผึ้งที่บ้านห้วยโป่ง ถือว่าอร่อยเลิศเลยทีเดียว เพราะเชื่อกันว่า ความฉ่ำ ความหวาน อมเปรี้ยวนิด ๆ ของส้มสายน้ำผึ้งที่อร่อยเหนือส้มทั่วไปนั้น เป็นเพราะสวนส้มได้รับการบำรุงจากแหล่งน้ำแร่ของหมู่บ้าน ที่ชื่อว่า น้ำโป่ง นั่นเอง การเข้าไปเที่ยวที่สวนส้ม นอกจากเราจะได้บรรยากาศการเป็นเจ้าของไร่ส้มเต็มๆ โดยเจ้าของตัวจริงจะมีบริการให้เราเก็บส้มจากต้นด้วยตัวเอง เลือกได้ตามต้องการ จะเอาลูกไหน ต้นไหน เท่าไร จัดเลยค่ะ ถ้ามีตังค์จ่ายพอ เก็บส้มไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วยประหนึ่งว่าเรามาเก็บส้มสายน้ำผึ้งชิล ๆ สนุก ๆ กัน บ้างก็เดินถ่ายรูปเดี่ยว บ้างก็มาเป็นกลุ่ม ๆ เฮฮาสนุกสนานกันไป เหนื่อยมากก็พักแกะกินส้มใต้ต้นส้มสายน้ำผึ้งนั่นเลย ได้ฟิลลิ่งสุด ๆ เจ้าของบอกว่าเก็บ เที่ยวให้หนำใจ พอเมื่อใหร่ เอามาชั่งได้ ฮ่า ๆ แต่แปลกนะ เก็บส้มเหนื่อยแค่ไหนยังเเพ้ความสนุกของเราอยู่ดี เมื่อเก็บส้ม เก็บบรรยากาศจนอิ่มกันแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องนำส้มที่เก็บมาคัดมาคิดราคา เหมือนเป็นการเรียนรู้วิธีการคัดแยกส้มง่าย ๆโดยใช้ไม้ไผ่ทำเป็นราง มีกะละมังที่ใส่น้ำเพื่อทำความสะอาดส้มไว้ข้างล่าง จากนั้นทำการปล่อยส้มลงรางไม้ไผ่ เจ้าส้มก็จะไหลและตกไปตามรางไม้ไผ่ตามขนาดที่มาร์คไว้ ง่าย ๆ อย่างนี้นี่เองไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรใด ๆ เลย ราคาส้มในสวนก็จะประมาณกิโลกรัม 40-80 บาท ตามขนาดของส้ม ราคาไม่เอาเปรียบลูกค้า และขอบอกว่าคุ้มมาก ถ้าแลกกับรสชาติของส้มและบรรยากาศที่ได้รับ ในการท่องเที่ยวเชิงเกษตรครั้งนี้ ท่านสามารถเดินทางไปเที่ยว สวนส้มสายน้ำผึ้งห้วยโป่งได้ในช่วงเดือน ธันวาคม-มกราคมของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่ส้มสายน้ำผึ้งสุกเต็มที่ พร้อมต้อนรับทุกท่านเข้าไปเก็บไปเที่ยวไปชิมได้เลย หวังทุกท่านจะมีความสุขกับการท่องเที่ยวนะคะ