ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) เริ่มคลี่คลายลง ผู้คนเริ่มออกจากบ้านมากขึ้น เพื่อไปใช้ชีวิตปกติใหม่ หรือ New Normal หลายคนเริ่มออกเดินทางภายในประเทศ และหลายคนเริ่มวางแผนหาที่เที่ยวในต่างประเทศ จากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ทราบว่า การแพร่ระบาดในหลายประเทศยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายประเทศยังมีการแพร่ระบาดระลอกสอง ดังนั้น ประเทศส่วนใหญ่จึงยังคงไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศของตน จนกว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของหลายประเทศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ด้วยเหตุดังกล่าว หลายประเทศจึงมีนโยบายฟื้นฟูวิกฤติทางเศรษฐกิจด้วยนโยบาย Travel Bubble คือ การจับคู่การเดินทางระหว่างประเทศที่มีความปลอดภัยสูงจากโควิด-19 โดยเป็นการเดินทางข้ามประเทศที่มาตรการด้านสาธารณสุขที่รัดกุม ที่อาศัยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้มั่นใจว่านักเดินทางของแต่ละประเทศเป็นผู้ที่ปราศจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในส่วนของประเทศไทยได้มีการกล่าวถึง Travel Bubble มาเป็นระยะ โดยเฉพาะหลังจากการติดเชื้อภายในประเทศลดลงจนเป็นศูนย์ต่อเนื่องกัน 30 กว่าวัน โดยความชัดเจนล่าสุดนั้น เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2563 ได้มีมติเห็นชอบ ร่าง “ระบบการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากผู้เดินทาง ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558” ซึ่งสาระสำคัญของร่างฯ ดังกล่าว คือ วิธีการจับคู่เจรจา และทำข้อตกลงระหว่างประเทศคู่เจรจา โดยจะเริ่มจับคู่กับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน และจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อปรับมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์เป็นระยะ โดยประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขเล็งว่าจะจับคู่ด้วย คือประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ในขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่า ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้จะยังไม่มีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแบบเสรีเด็ดขาด แต่จะจำกัดเฉพาะชาวต่างชาติที่มีครอบครัวในประเทศไทย นักธุรกิจ นักลงทุน แรงงานฝีมือ นอกจากนี้ การเดินทางแบบ Travel Bubble รัฐบาลก็ยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน เพราะจะต้องใช้เวลาศึกษา และคำนึงถึงผลกระทบด้านสาธารณสุขอย่างรอบคอบที่สุด เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ นโยบาย Travel Bubble ยังไม่มีความชัดเจน เพราะแต่ละหน่วยงานต่างก็ศึกษาข้อมูลกันอย่างรอบด้าน โดยชูนโยยาบด้านสาธารณสุขนำหน้าแน่นอน แต่อย่างไรก็ดี ในอนาคตอันไม่ไกลนี้ หากมีการเปิด Travel Bubble หรือการเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศได้ ถือเป็นความเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวจะต้องตระหนักเป็นอย่างมาก เพราะนโยบายด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ของแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไปตามความหนักเบาของอาการเจ็บป่วย ดังนั้น ก่อนออกเดินทางเรามีคำแนะนำในการท่องเที่ยวต่างประเทศให้ปลอดภัยในช่วงโควิด-19 ดังต่อไปนี้ 1. ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่จะไปท่องเที่ยว เพื่อประเมินความเสี่ยงถึงสิ่งที่ตนเองจะได้ไปพบเจอระหว่างการเดินทาง 2. ศึกษาเงื่อนไขการเปิดรับนักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ เช่น การแสดงผลตรวจพิสูจน์ว่าไม่ติดเชื้อ ภายใน 3 วัน ก่อนหน้าการเดินทาง การกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน เมื่อไปถึงประเทศปลายทางในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) และความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อ เป็นต้น 3. ขอรับคำแนะนำในการเดินทางจากสถานทูตประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศที่เรามีความประสงค์จะไปท่องเที่ยว ทั้งนี้ การสอบถามข้อมูลโดยตรงจากสถานทูต จะทำให้เราได้ข้อมูลถูกต้องตามความเป็นจริง 4. หาข้อมูลการทำประกันชีวิต การรักษาพยาบาลในต่างประเทศกรณีเจ็บป่วยด้วยโควิด-19 5. ระหว่างการท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขของประเทศนั้น ๆ โดยเคร่งครัด เช่น การโหลดแอปพลิเคชันติดตามตัวนักท่องเที่ยว การจำกัดเวลาและที่เที่ยว เป็นต้น การเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ซึ่งยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค และยังไม่มียารับประทานต้านไวรัสดังกล่าว นักท่องเที่ยวทุกคนจึงมีความเสี่ยงเป็นทั้งผู้ติดเชื้อและเป็นพาหะนำโรคไปสู่บุคคลข้างเคียง ดังนั้น การใช้ชีวิตในช่วงเวลานี้ และในระหว่างการท่องเที่ยวขอแนะนำให้คำนึงถึงมาตรการด้านสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำอยู่เสมอ คือ “อยู่ห่างไว้ ใส่แมสค์กัน หมั่นล้างมือ ถือหลักรักสะอาด ปราศจากแออัด” ขอให้ทุกคนปลอดภัย และสนุกสนานกับทุกการเดินทาง หากมีเรื่องสนุก ๆ ที่ได้พบเจอในช่วงเปิดเมืองเพื่อท่องเที่ยวในต่างประเทศแล้ว เขียนมาเล่าแบ่งปันกันบ้างนะทุกคน เครดิตภาพประกอบ ภาพปกโดย Canva.com ภาพที่ 1 ภาพโดย Dariusz Sankowski จาก Pixabay ภาพที่ 2 ภาพโดย Dariusz Sankowski จาก Pixabay ภาพที่ 3 ภาพโดย congerdesign จาก Pixabay