ณ ชายฝั่งเดวอน ประเทศอังกฤษ ที่อยู่ทางฝั่งแอตแลนติก รูเพิร์ต เคิร์ก บุรุษวัย 60 ชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักในย่านชายฝั่งเดวอนว่า The Lone Kayaker หรือนักพายคายัคผู้เดียวดาย เขาใช้เวลาพายเรือคายัคและคอยสังเกตเหล่าสัตว์ทะเลมาเป็นเวลานาน กล้ามมัดแขนที่แน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา การันตีได้ถึงสุขภาพร่างกายอันแข็งแรงของเขา และการพายเรือถือเป็นกิจวัตรทั่วไปและคงเป็นโอกาสอย่างหนึ่ง ในการใช้มาตรการเว้นระยะห่าง เพื่อหลีกเลี่ยงไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลก ระหว่างที่เขากำลังพายเรือท่ามกลางน้ำทะเลในบรรยากาศที่ดี รูเพิร์ตก็ได้พบกับบางอย่างที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ที่จัดได้ว่าหาดูได้ยาก ปรากฏตัวขึ้นจากผืนน้ำ กระโดดพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ประกายน้ำสะบัดออกไล่ล่าหาอาหารกัน คลับคล้ายกับฉากในภาพยนตร์เรื่อง Life of Pi ที่ พาย พาเทล กำลังตะโกนด่าเสือเพื่อแย่งอาหาร แล้วเหล่าฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็พุ่งขึ้นมาชนกระแทกร่างของพายและติดอยู่ในเรือจนกลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตเขากับเสือ แต่ต่างกันที่ว่าในภาพยนตร์ อั้ง ลี่ ผู้กำกับเลือกใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกสร้างขึ้นมา แต่ในสิ่งที่รูเพิร์ตถ่ายภาพมาได้นั้น มันคือของจริง มีเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วความวุ่นวายก็ปรากฏขึ้น เหล่าปลาทูน่ากระโดดขึ้นเหนือน้ำทะเล ผมเคยเห็นแบบนี้เป็นครั้งคราว แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เพราะมันเป็นทูน่าครีบน้ำเงิน และกระโดดอย่างรวดเร็วจนแทบจะถ่ายภาพพวกมันไม่ได้เลย รูเพิร์ต เคิร์กวู้ด เล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาได้เห็น และรู้สึกประทับใจมันเป็นพิเศษ ทูน่าครีบน้ำเงิน เป็นที่รู้กันว่าเป็นปลาทูน่าที่มีขนาดใหญ่ การปรากฏตัวเหนือพื้นน้ำแล้วกระโดดพุ่งไปมีค่าเฉลี่ยความเร็วอยู่ที่ 43 ไมล์ต่อชั่วโมงเกือบ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่บ่งบอกได้ชัดว่า การกระโดดเหนือของมันมีความเร็วมาก และในความเร็วที่ทำได้ ก็บ่งบอกถึงกายภาพของมัน ที่มีความยาวเฉลี่ย 6.5 ฟุต หนักประมาณ 249 กิโลกรัม แต่สถิติที่ใหญ่ที่สุด ถูกบันทึกไว้ที่ 678 กิโลกรัม ถูกพบเจอที่โนวา สโกเทีย ประเทศแคนาดา เมื่อปี พ.ศ. 2522 ทูน่าครีบน้ำเงิน จะมีลักษณะลำตัวสีน้ำเงินเข้ม ช่องท้องเป็นสีเงินและมีเงาสะท้อน มักจะอาศัยอยู่ที่ทะเลฝั่งแอตแลนติกกับเมดิเตอเรเนียนที่เป็นเขตหนาวถึงหนาวจัด จึงทำให้เนื้อของทูน่าครีบน้ำเงินมีความโดดเด่นที่มีไขมันแทรกเยอะ เนื้อนุ่ม แน่น มีรสชาติที่ชุ่มฉ่ำ และโภชนาการที่เป็นประโยชน์มากมาย ซึ่งทูน่าที่เราเห็นกันส่วนใหญ่นั้น เป็น ทูน่าครีบเหลือง พบได้ในทะเลเขตร้อน มีไขมันน้อย เนื้อไม่ละเอียด และราคาถูก อันเนื่องมาจากพวกมันเป็นสายพันธุ์ที่หาได้ง่าย ต่างกับทูน่าครีบน้ำเงิน และด้วยความพิเศษของมันนี้เอง ทูน่าครีบน้ำเงินจึงกลายเป็นสายพันธุ์ที่มีมูลค่าสูงมาก ราคาของมันอยู่ที่ 2.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 102 กว่าล้านบาท โดยราคานี้ถูกประมูลขึ้น ณ ตลาดปลาโทโยสุ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 5 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา และหาทานได้เฉพาะในร้านอาหารแบบพรีเมียมราคาแพงเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันนั้น ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ก็ถือเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ อันมาจากสาเหตุสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลง และอายุขัยของพวกมันเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ปี เราจึงได้เห็นการต่อต้านการออกล่าปลาของชาวญี่ปุ่นโดยกลุ่มนักอนุรักษ์อยู่บ่อยครั้ง และในสหราชอาณาจักร พวกมันถูกจัดให้เป็นสัตว์อนุรักษ์ จึงเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่จะจับพวกมันมาใช้ในเชิงพาณิชย์ และหากจับพวกมันได้ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ คือปล่อยมันลงทะเล เพื่อรักษาสายพันธุ์นี้ไว้ ที่มา World's most expensive fish are spotted off the English coast: Bluefin tuna, which can sell for millions of pounds, are photographed leaping from the sea by stunned kayaker เชิงอรรถ World Record Tuna Tuna fetches ¥193 million in New Year's auction at Tokyo's Toyosu market Government response Bluefin tuna in UK waters