บทความนี้เกิดจากความสงสัยของเราเอง...ว่าทำไมแบรนด์ XIAOMI ถึงผลิตสินค้าออกมาหลากหลายไลน์มากไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง,เครื่องดูดฝุ่น,เครื่องกรองน้ำและยังมีสินค้าไลฟ์ไสตล์อีกมากมายจึงได้ไปศึกษาวิสัยทัศน์ของบริษัทเสี่ยวมี่ว่าทำไมบริษัทเสี่ยวมี่ถึงสร้างสินค้าออกมามากมาย...? มาหาคำตอบกันในบทความนี้กันค่ะ...เดี๋ยวนี้ความสะดวกอยู่แค่เพียงปลายนิ้วมนุษย์ขยับตัวน้อยลง...ตั้งแต่กดสั่งอาหารผ่านแอป เปิดม่านเปิดไฟด้วยเสียง กระทั่งเดินผ่านห้องมือก็แทบไม่ต้องกดสวิตช์บางบ้านไฟเปิดเองเพียงแค่สั่งด้วยเสียงเพลงโปรดก็เปิดขึ้นเองและระบบเหล่านี้กำลังพัฒนาเร็วและสเถียรมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ผู้คนที่ปรับตัวได้ก็มีความสุขเติบโตในระบบนิเวศเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีในขณะที่คนบางกลุ่มพยายามเรียนรู้ไล่ตามและมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจเดินช้าเกินจนตามไม่ทัน ใช่ค่ะสิ่งที่ได้กล่าวมานั้น คือ ระบบนิเวศใหม่ ที่เกิดขึ้นในบ้านหลายๆบ้านในยุคปัจจุบันและกำลังจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกพัฒนาจนเข้าถึงคนหมู่มากขึ้นทั้งในเรื่องของราคาและความง่ายในการใช้งาน หลายคนอาจจะคิดว่าแต่บ้านของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นแต่ ณ ปัจจุบันนี้เกือบทุกอุตสาหกรรมธุรกิจนั้นเริ่มสร้างระบบนิเวศของตัวเองขึ้นมาเมื่อพูดถึงคำว่าระบบนิเวศหรือ ecosystems...เราอาจจะนึกไปถึงสัตว์ พืช สิ่งมีชีวิตตอนเด็กๆเราจะเห็นภาพัตว์น้ำ สาหร่าย แสงแดดแล้วระบบนิเวศคืออะไรกันแน่...?ถ้าจะนิยามให้เห็นภาพก็ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต ( หรืออาจจะไม่มีชีวิต ) ในพื้นที่หนึ่งแล้วถ้าพูดถึงระบบนิเวศที่เกิดขึ้นในการธุรกิจล่ะ...?จริงๆตัวอย่างแบรนด์ที่แข็งแกร่งก็มีหลายแบรนด์แต่วันนี้หงส์อยากจะยกตัวอย่างเป็นแบรนด์ Xiaomi ค่ะXiaomi คืออะไร...?ตอนนี้มีคนจำนวนมากรู้จักแบรนด์ Xiaomi แต่ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เคยได้ยินเลย“ให้ลองซื้อเครื่องดูดฝุ่นของ Xiaomi ดูซิ...”“ เสี่ยวมี่ตลกจัง...? ชื่อแบรนด์จากไหน...? จีนหรอ...?”“ใช่”“ของจีนจะดีหรอ...? ราคาก็ถูกเกินไปไหม? แถมดูทำตั้งหลายอย่างจับฉ่ายไปไหม? ”นี่เป็นบทสนทนาของหงส์กับเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เคยใช้ของแบรนด์เสี่ยวมี่มาก่อนและคงมีคนอีกจำนวนมากที่พอได้เห็นราาและยังได้ยินมาว่ามาจากจีนอีกก็ขยาดด้วยการรับรู้เดิมๆเลยทีเดียวว่าของจีนไม่ดี แต่ถ้าวันนี้เราจะบอกว่าแบรนด์ Xiaomi เริ่มก่อตั้งในปี 2010 เพียงแค่เวลา 10 ปีXiaomi ได้บุกตลาดโลกจนปัจจุบัน Xiaomi มีมูลค่าตอนนี้อยู่ที่ 45 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียวด้วยมูลค่าที่สูงลิ่วขนาดนี้นอกจากสินค้าของ Xiaomi น่าสนใจแล้วกลยุทธ์เบื้องหลังก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวไม่ใช่เพียงเพราะเป็นการรวมตัวของหัวกะทิ การได้เงินทุนจำนวนมาก แต่การนำพา Xiaomi มาได้ถึงจุดนี้มาจากวิสัยทัศน์ของ Lei Jun ซีอีโอของ XiaomiLei Jun ต้องการสร้างอาณาจักร IOT ( Internets of things ) หรือสร้าง Ecosystems ภายใต้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่สร้างชื่อนั่นคือ Smartphone ที่เกิดขึ้นในปี 2013 นั่นเองนี่คือสาเหตุว่าทำไม Xiaomi ถึงมีผลิตภัณฑ์มากมายหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าวอัจฉริยะ,สมาร์ทโฟน,เครื่องกรองน้ำ,อุปกรณ์บ้านอัจฉริยะ หรือ smart home kit และอีกมากมายที่สำคัญอุปกรณ์เหล่านี้เชื่อมถึงกันและสามารถทำงานผ่านแอปพลิเคชั่นได้อีกด้วย หลายคนๆรวมถึงตัวเราเองอาจคิดว่าแต่ Xiaomi ทำผลิตภัณฑ์ออกมาหลายไลน์สินค้าจะสู้เจ้าตลาดได้หรือไม่และเนื่องจากผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi หลายๆผลิตภัณฑ์ก็ไม่ได้ใช้ตรา Xiaomi แต่เป็นยี่ห้ออื่นไปเลยนั่นคือจุดแข็งของแบรนด์เลยทีเดียวXiaomi ใช้โมเดลธุรกิจแบบไม่ได้ถือครองเทคโนโลยีหรือสิทธิบัตรใดๆแต่เกิดจากความร่วมมือและใช้ความเก่งของพาร์ทเนอร์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทขึ้นมาทำให้ Xiaomi สามารถสร้างสรรค์สินค้าตามแนวคิดที่ใช้บุกตลาด “"เทคโนโลยีระดับเรือธงที่ไม่จำเป็นต้องราคาแพง”"และนี่คือสาเหตุว่าทำไม Xiaomi ถึงมีผลิตภัณฑ์หลากหลายคุณภาพดีในราคาย่อมเยาว์ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่า Xiaomi จะสร้างผลิตภัณฑ์อะไรมาตอบโจทย์ผู้บริโภคในปีต่อไปหมายเหตุ : เนื้อหาและภาพประกอบเป็นของผู้เขียนเองทั้งหมด REF : A brief history of Xiaomi – China’s tech success story : https://www.gizchina.com/2014/04/18/brief-history-xiaomi-chinas-tech-success-story/https://ngthai.com/science/25251/ecosystem/https://c.mi.com/thread-1776225-1-0.html