ยุงเป็นแมลงชนิดหนึ่ง พบมากในพื้นที่เขตร้อนและเขตอบอุ่น มีวงจรชีวิต 4 ระยะ คือ ระยะไข่ ระยะลูกน้ำ ระยะตัวโม่ง และระยะตัวเต็มวัย โดยยุงตัวเต็มวัยทั้งเพศผู้และเพศเมียดูดกินเพียงน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้วทำไมยุงถึงยังมาดูดกินเลือดของเราอีกล่ะ ? ส่วนใหญ่ยุงที่ดูดกินเลือดของเรานั้นเป็นยุงเพศเมีย เพราะยุงเพศเมียยังต้องการโปรตีนจากเลือดของมนุษย์และสัตว์เพื่อใช้ในการเจริญของไข่ มียุงเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ไม่จำเป็นต้องใช้โปรตีนจากเลือดเพื่อทำให้ไข่สุก ยุงแต่ละชนิดออกหากินในเวลาต่างกัน เช่น "ยุงลาย" ออกหากินในเวลากลางวัน "ยุงรำคาญ" ออกหากินในเวลากลางคืน และ "ยุงแม่ไก่" ออกหากินในเวลารุ่งสางและพลบค่ำยุงมักกัด "คนที่ไม่ได้อาบน้ำ" มากกว่า "คนที่อาบน้ำแล้ว" จริงหรือ ? ปัจจัยที่ทำให้ยุงเข้ามากัดมีอยู่หลายปัจจัย เช่น การสวมเสื้อผ้าสีเข้ม อุณหภูมิร่างกายสูง ปริมาณโปรตีนในเลือด คาร์บอนไดออกไซด์จากการหายใจออก และสาร 1-Octene-3-ol ในเหงื่อ เป็นต้น แต่ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงความสามารถในการรับกลิ่นเพื่อหาเหยื่อของยุงเป็นหลัก ยุงมีอวัยวะรับสารเคมี (Maxillary palps) รับได้ทั้งกลิ่นและรส มีลักษณะเป็นเส้นคล้ายหนวดยื่นออกมาจากบริเวณปาก 2 เส้น ซึ่งจะมีตัวรับสารเคมีหรือกลิ่นที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นสามารถตรวจจับคาร์บอนไดออกไซด์และสาร 1-Octene-3-ol ที่เป็นส่วนประกอบของเหงื่อได้ ยุงจึงสามารถรับรู้ตำแหน่งของเหยื่อได้จากการรับรู้กลิ่น ดังนั้น คนที่หายใจแรง ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ถูกปล่อยออกมามาก ก็จะมีโอกาสถูกยุงกัดมากกว่า และคนที่อาบน้ำชำระล้างเหงื่อออกไป ทำให้สาร 1-Octene-3-ol ลดน้อยลง จึงมีโอกาสถูกยุงกัดน้อยกว่าคนที่มีเหงื่อนั่นเอง ว่าด้วยเรื่องของ...ยากันยุงยากันยุงแต่ละรูปแบบมีกลไกการการออกฤทธิ์ไล่ยุงแตกต่างกันออกไป เช่น• ยากันยุงประเภทที่มี “ดีอีอีที (DEET) พิคาดิริน (Picaridin) หรือสารสกัดจากธรรมชาติ” เป็นส่วนประกอบ มักพบในรูปแบบครีม โลชั่น หรือสเปรย์ จะออกฤทธิ์โดยการรบกวนหรือบล็อคส่วนที่รับรู้ 1-Octene-3-ol ของยุงได้ดี ทำให้ยุงไม่สามารถรับรู้กลิ่น 1-Octene-3-ol จากเหงื่อของเราได้ ยุงจึงไม่มากัดเรานั่นเอง • ยากันยุงประเภทที่มี “สารในกลุ่มไพรีทอยด์ (Pyrethroids)” เป็นส่วนประกอบ มักพบในยาจุดกันยุง ซึ่งต้องจุดไฟเพื่อให้สารออกมาในรูปของควัน จะออกฤทธิ์โดยการรบกวนระบบประสาทของยุง ทำให้ยุงเป็นอัมพาตอย่างรวดเร็ว ยุงจึงไม่สามารถกัดเราได้น้ำมันหอมระเหย" ใช้ไล่ยุงได้จริงหรือ ? น้ำมันหอมระเหยสามารถไล่แมลงได้หลายชนิด โดยสามารถรบกวนส่วนที่รับรู้กลิ่นของยุงในรูปแบบการแข่งขันหรือแย่งจับ (competitive action) เสมือนว่าน้ำมันหอมระเหยแย่งจับที่ตัวรับสารเคมีหรือตัวรับรู้กลิ่น ทำให้สาร 1-Octene-3-ol จากเหงื่อของเราไม่สามารถเข้าจับที่ตัวรับของยุงได้ ยุงจึงไม่สามารถรับรู้กลิ่นเหงื่อของเราและไม่เข้ามากัดเรานั่นเอง กลไกการออกฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยจะคล้ายกับ DEET แต่จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า เพราะการใช้น้ำมันหอมระเหยก็เปรียบเสมือนการอุดจมูกยุง แต่การใช้ DEET เปรียบเสมือนการทำให้จมูกของยุงใช้การไม่ได้ชั่วคราว แม้การใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการใช้ยากันยุงแบบสารเคมี แต่ก็มีผลข้างเคียงและเกิดอันตรายน้อยกว่าด้วย รวมถึงหาได้ง่ายและราคาถูกกว่าวิธีไล่ยุงง่าย ๆ ด้วย "ของที่มีในบ้าน"1. ขยี้ หรือ บุบสมุนไพร เช่น ตะไคร้ มะกรูด ใบสะระแหน่ กระเทียม หรือพริกไทยดำ วางไว้ตามมุมอับของบ้าน2. กากกาแฟในน้ำ กันยุงวางไข่ เทกากกาแฟลงในบ่อน้ำหรืออ่างบัว สามารถป้องกันยุงมาวางไข่ได้3. ทำเทียนหอมสมุนไพร นำเศษเทียนเก่ามาละลายรวมกันด้วยความร้อน เติมน้ำมันหอมระเหย เช่น น้ำมันตะไคร้หอม หรือน้ำมันลาเวนเดอร์ ลงไป จากนั้นเทลงพิมพ์ ทิ้งให้เย็น เพียงเท่านี้ก็จะได้เทียนหอมสมุนไพรไว้จุดไล่ยุงแล้ว4. ปลูกสมุนไพร กลิ่นหอม ๆ ที่ระเหยจากใบหรือผลของพืชสมุนไพรจะช่วยไล่ยุงให้ไกลจากบ้านของคุณได้ เช่น ตะไคร้หอม โหระพา ใบแมงลัก สะระแหน่ โรสแมรี่ หรือลาเวนเดอร์ ขอบคุณภาพปก จาก pixabay.com และ pexels.comขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก pixabay.comภาพที่ 2 จาก pexels.com ภาพที่ 3 จาก pixabay.comภาพที่ 4 จาก pexels.comภาพที่ 5 จาก pixabay.comภาพที่ 6 จาก pexels.com ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล และสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ข้อมูลเกี่ยวกับยุงMosquito managementยากันยุง ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย