อื่นๆ

ทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงเก่งแค่ใน "แชท"

747
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงเก่งแค่ใน "แชท"

เก่งแต่ในแชท

แน่นอนครับว่าการติดต่อสื่อสารกันในปัจจุบันมีความสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนมากครับ เพราะเทคโนโลยีที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของพวกเรามากขึ้น ทำให้เรามีสมาร์ทโฟนติดตัวกันจนแทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้ว การติดต่อสื่อสารก็พัฒนาจากเมื่อก่อนมาก จากที่ใช้การเขียนจดหมายส่งหากัน แล้วก็มาเป็นโทรศัพท์มือถือ และได้พัฒนาต่อจนมาเป็น Line, Messenger, Direct Messege ใน Instagram ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้นี่แหละครับ และเมื่อวัยรุ่นส่วนใหญ่เห็นว่าการคุยผ่านแชทนั้นเป็นเรื่องที่สะดวกสบายกว่าการนัดเจอกันในชีวิตจริง จึงเลือกที่จะพูดคุยกันในแชทมากกว่าแต่จะมีคนบางกลุ่มครับที่บุคลิกในแชท กับชีวิตจริงนั้นเหมือนกับคนละคน บางคนอาจจะไม่ค่อยคุยในแชท แต่เมื่อเจอตัวจริงพูดไม่หยุด แต่ส่วนใหญ่ที่จะเจอก็คือในแชทคือคุยเก่งมาก ชงมุก ตบมุก กันราวกับว่าเป็นคณะตลกคณะหนึ่งเลย แต่พอมาเจอตัวจริงกลับนิ่ง ไม่พูด ไม่คุยเหมือนกับในแชท หรือเรียกอาการนี้ว่า เก่งแต่ในแชท เชื่อว่าหลายคนเคยเป็น หรืออาจจะประสบกับปัญหานี้อยู่ งั้นในบทความนนี้ผมจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันว่า ทำไม เราถึงเก่งแต่ในแชท พร้อมวิธีแก้ที่ทุกคนสามารถทำได้ครับ

Advertisement

Advertisement


ไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง

ไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง

หน้าตา เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญในร่างกายของเราครับ เพราะแทบจะเป็นส่วนแรกที่คนส่วนใหญ่มักจะสังเกตเวลาเจอคนแปลกหน้า หรือ พบเจอใครเป็นครั้งแรก และแน่นอนครับว่าไม่ใช่ทุกคนบนโลกใบนี้ที่จะมีหน้าตาหล่อเหลาเอาการกันหมดทุกคน สิ่งที่จะตามมาก็คือ มีบางคนครับที่ไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะคำพูดของคนรอบข้างที่พูดว่าตัวเรานั้น ขี้เหร่ ตาตี่ ปากใหญ่ จมูกเล็ก ตาโต หรือพูดง่ายๆ คือความรู้สึกไม่มั่นใจในสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากคำพูดของคนรอบข้างเกี่ยวกับจุดด้อยของเราเอง ทำให้เรารู้ว่าจุดด้อยของเราอยู่ตรงไหน และไม่แสดงมันออกมาเพราะกลัวที่จะถูกล้อ กลั่นแกล้ง วิธีแก้ก็แสนจะง่าย แต่มันทำยากพอสมควร คือการยอมรับในจุดด้อยของตนเองครับ ในจุดนี้เราต้องเข้าใจว่าจุดด้อยที่อยู่บนหน้าเรานี้จะอยู่บนหน้าเราอีกนาน สิ่งที่เราทำได้คือปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ ทุกๆคนมีจุดด้อยเป็นของตัวเองครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะปรับตัวแล้วอยู่กับมันให้ได้ หรือ จะทำราวกับว่าจุดด้อยของเราเป็นสิ่งที่น่ารังเกลียด ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะครับว่าจะเลือกทางไหน

Advertisement

Advertisement


เริ่มบทสนทนาไม่เก่ง

เริ่มบทสนทนาไม่เก่ง

การที่จะมีการสนทนาเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีคนเปิดบทสนทนากันมาก่อน ถ้าคุณเป็นคนชวนคุยเก่งอยู่แล้ว ต้องบอกเลยว่าคุณเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งเลยครับ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณสมบัตินี้ แถมยังเป็นคุณสมบัติที่หายากอีกด้วยในสมัยนี้ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชวนคุยไม่เก่ง ไม่ต้องเสียใจไปครับ เพราะคุณเป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่ในสมัยนี้ครับ ที่เป็นแบบนี้เพราะอย่างที่ผมบอกไปตอนต้นแหละครับ คนเหล่านี้เลือกที่จะเปิดบทสนทนาในแชท และจบลงตรงนั้นเลย ทำให้ไม่ได้มีเวลามาสานสัมพันธ์ต่อในชีวิตจริง วิธีแก้เบื้องต้นสำหรับคนที่ชวนคุยต่อหน้าไม่เก่ง ก็คือการคุยใยแชทนี่แหละครับ แต่เป็นการชวนคุยที่มีชั้นเชิง คุณอาจจะเปิดบทสนทนาในแชทก่อน พอคุยกันได้สักพักหนึ่ง ให้คุณหาจังหวะต่อยอดให้คุณเจอกับคนๆ นั้นในอนาคตอย่างแน่นอน เช่น การเปิดบทสนทนาด้วยการถามถึงงานที่คุณครูสั่ง หรือ งานที่เจ้านายสั่ง แล้วพอใกล้ที่จะจบบทสนทนา คุณอาจจะนัดเจอกับคนๆ นั้นในวันถัดไปเพื่อที่จะให้สอนงาน หรือเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นรางวัลที่ช่วยสอนงาน การทำแบบนี้เป็นการที่ให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์บังคับให้คุณเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาบ้าง ให้คุณทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะเป็นการฝึกไปในตัวครับ

Advertisement

Advertisement


กลัวการถูกเมิน

กลัวการถูกเมิน

จากประสบการณ์ตรงของผมเอง การถูกเมินเป็นการกระทำที่น่าเจ็บปวดนะครับ เพราะการเมินเป็นการกระทำทางจิตวิทยาที่แสดงออกถึงความไม่ชอบ พูดง่ายๆคื อ "ถ้าคุณเมินใครก็เท่ากับว่าคุณไม่ชอบคนๆ นั้น" นั่นเอง หลายๆ คนจึงเกิดอาการกลัวที่จะเปิดบทสนทนาก่อนเพราะกลัวการถูกเมิน ส่วนวิธีการแก้เป็นวิธีที่อาจจะยากหน่อย แต่ผมว่าคุ้มที่จะทำนะครับ คือการมูฟออนจากคนๆ นั้นไปเลยครับ ถามว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น ลองย้อนกลับไปอ่านตรงที่ผมบอกว่า ถ้าคุณเมินใครก็เท่ากับว่าคุณไม่ชอบคนๆ นั้น แสดงว่าถ้าใครเมินคุณแสดงว่าคนๆ นั้นอาจจะไม่ชอบคุณหรือมีอะไรผิดใจกับคุณอยู่ การที่คุณไม่มูฟออนจากคนๆ นั้น ก็เหมือนกับการฝากเงินไว้กับธนาคารที่ไม่มีความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติงานนั่นแหละครับ เงินของคุณอาจจะหายหรืออาจจะโดนขโมยได้  เช่นเดียวกับความรัก คุณจะเอาใจไปฝากไว้กับคนที่ไม่ชอบคุณ หรือจะถอนหัวใจตัวเองออกมาใช้กับคนอื่นต่อ ก็อยู่ที่คุณเลือกแล้วล่ะครับ.


ขอบคุณรูปภาพปกจาก: freepik
ภาพ 1: freepik / ภาพ 2: freepik / ภาพ 3: freepik

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์