ทำไมนะ…เราถึงชอบตัวโกงมากกว่าพระเอก!!

ทำไมนะ…เราถึงชอบตัวโกงมากกว่าพระเอก!!

หลังจากที่เราได้ดูภาพยนต์เรื่อง โจ๊กเกอร์ 2019 ที่มีตัวละครหลักเป็นตัวร้ายและอีกหลาย ๆ เรื่องที่มีตัวนำเรื่องเป็นตัวร้ายและเป็นคนไม่ดี เรื่องราวภายในภาพยนตร์ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำเรื่องที่ไม่ดีแต่กลับเห็นว่าเป็นเรื่องดี จนกลายเป็นค่านิยมแบบผิด ๆ ให้กับตัวเรา ดูจบก็เกิดความคิดสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้และตั้งคำถามขึ้นมาว่า “ ทำไม…ผู้คนถึงชื่นชอบและให้ความสนใจในบทบาทของตัวโกงหรือตัวร้ายในภาพยนตร์มากกว่าบทบาทของพระเอก ” วัฒนธรรมเลียนแบบจากการเสพสื่อที่ผิด ๆ แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ย่อมไม่ส่งผลในทางที่ดีต่อตัวเราเองและคนอื่น ๆ รอบข้างแน่นอน เพราะว่าการที่เราไปหลงชอบในบทบาทของตัวโกงหรือผู้ร้ายในภาพยนตร์มากกว่าบทบาทของพระเอกจนทำให้เราคิดและทำตามแบบที่ตัวโกงทำในภาพยนตร์นั้น มันบ่งบอกถึงสภาพที่เสื่อมโทรมภายในจิตใจของเราว่ามันกำลังทำหน้าที่ที่ผิดปกติไปจากเดิม...

( ภาพโดย Honey Kochphon Onshawee จาก Pixabay )

- การสำรวจตัวเอง -

บางครั้งการสำรวจตรวจสอบความคิด คำพูดและการกระทำของตัวเราเอง ก็ถือเป็นสิ่งที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง เพราะโดยปกติของคนเรานั้น มักจะมองออกไปข้างนอกมากกว่ามองดูตัวเอง จึงมักจะเห็นความบกพร่องของคนอื่นมากกว่าของตัวเอง ดูคล้าย ๆ กับไฟฉาย ที่ส่องแสงสว่างออกไปแต่ข้างนอกไม่เคยส่องกลับเข้ามาดูตัวของมันเองแม้สักนิด จนมีคำกล่าวที่ว่า " ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดตัวเราเท่าหางอึ่ง " และการที่เราจะตรวจสอบข้อบกพร่องของตัวเองได้นั้น ก็จะต้องอาศัยวิธีการบางอย่าง เช่น การนั่งสมาธิ เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้จิตใจเราสงบนิ่งได้ จนสามารถมองย้อนกลับมาเห็นตนเอง เห็นในสิ่งที่ตนเองบกพร่อง มีบุคคลจำนวนน้อยที่ฝึกฝนตนเองจนสามารถมองย้อนมาสำรวจความคิด คำพูดและการกระทำของตัวเองที่บกพร่องที่ผิด ๆ ที่ไม่ดีไม่งามและทิ้งสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น ปรับเปลี่ยนการวิธีคิด พูด ทำในทางที่ดีและเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมได้...

- จะมีวิธีไหนบ้างที่จะพอแก้ไขให้ตัวเราเป็นคนที่มีความคิด คำพูดและการกระทำที่ดีมากยิ่งขึ้น ? -

อาจจะฟังดูแปลก ๆ ว่าตัวเรานั้นจะมีความสามารถมากขนาดที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองที่ไม่ดีให้กลับดีได้จริง ๆ หรือ แต่ถ้าหากเราทุกคนลองคิดไตร่ตรองและเปิดใจยอมรับความจริง เมื่อพิจารณาดูก็จะพบว่า สาเหตุที่คนชั่วมักจะทำความชั่วนั้น ก็เพราะคนพวกนั้นคิดว่า การทำความชั่วเป็นสิ่งที่ดีและทำได้ง่ายต่อพวกเขา พวกเขาจึงชอบใจและทำความชั่วนั้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นนิสันและสันดาน ในทางตรงกันข้าม คนดีที่ทำความดีได้นั้นก็เพราะว่า พวกเขาคิดว่าการความดีเป็นสิ่งที่ดีที่งามและทำได้ง่าย พวกเขาเหล่านั้นจึงชอบใจและทำดีมาเรื่อย ๆ จนติดเป็นนิสัยและสันดานในที่สุด

ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมี 2 อย่างตรงกันข้ามเสมอ ถ้าดีก็ไม่ชั่ว แต่ถ้าชั่วก็ไม่ดี

เพราะฉะนั้น การที่พวกเราทุกคนจะเป็นคนดีได้นั้น ก็จะต้องมีการฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่คิด ทำ พูดแต่เรื่องดี ๆ อยู่ในกรอบของศีลของธรรม พยายามกำจัดหรือขจัดความคิดที่ไม่ดี ทำพูดที่ไม่ดีและการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมดภายในจิตใจของตัวเอง ซึ่งเป็นเหมือนกับสิ่งของสกปรกที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งจะต้องมีการชำระล้างกันอยู่ทุกวัน เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นและรบกวนคนอื่น พวกเราก็เช่นเดียวกัน จะต้องมีการชำระล้างสิ่งสกปรก คือความคิด คำพูดและการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมดด้วยน้ำคือ ศีลธรรม ซึ่งถือเป็นเครื่องคุ้มกันตัวเราให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในสังคมอย่างสงบสุข เมื่อพวกเราพยายามทำเช่นนี้บ่อย ๆ พฤติกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ดีของเราก็จะค่อย ๆ หมดไปจากจิตใจ เมื่อไม่มีสิ่งที่ไม่ดีในใจของเราแล้ว สิ่งที่ดีงามทั้งหลายก็จะมาแทนที่ ก็ยิ่งจะทำให้ตัวเรากลายเป็นคนที่มีความคิด คำพูดและการกระทำที่ดี แล้วเรื่องที่ดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวเราเอง และนั่นแหละจะส่งผลทำให้ชีวิตของเรามีความสุข กิจการงานต่าง ๆ ก็เจริญรุ่งเรื่อง มีแต่สิ่งที่ดี ๆ ในชีวิตจนกว่าเราจะหมดลมหายใจ...

( ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน )