การออม เป็นศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรมีติดตัว หลายคนมักมองว่า เป็นเรื่องง่ายนั้นจริงเหรอครับ? เหมือนจะง่ายนะครับ ต้องยอมรับเลยว่า เป็นพื้นฐานง่าย ๆ ที่ทำได้ยากเช่นกัน หากคุณเป็นคนนึงที่สามารถมีเงินเก็บ และสามารถออมได้ คุณจะมีสภาพคล่องที่ดี มีเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและเกษียณ ฝึกให้คุณมีวินัยในการออม และนำไปต่อยอดในการลงทุนในเครื่องมือต่าง ๆ ได้หลายอย่างอีกด้วย ซึ่งถ้าคุณขาดพื้นฐานสำคัญนี้ หรือละเลยพื้นฐานการออมนี้ไป ในอนาคตคุณอาจจะกำลังประสบปัญหาทางการเงิน ทุกวันเราทุกคนหลีกเลี่ยงไม้ได้เลยครับในการดำรงชีวิตประจำวัน ที่จะต้องมีเงินเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของเรา เท่าที่จำความได้เราใช้จ่ายเงินตั้งแต่ตอนตื่นถึงตอนหลับ (หายใจเข้า-ออกเป็นเงินกันเลยทีเดียว) หรือบางครั้งเราอาจจะต้องใช้ทั้งทางตรง ทางอ้อม หรือบางครั้งเราต้องควักมาใช้จ่ายในเหตุการณ์ที่มิได้คาดคิดมาก่อน เราไม่สามารถรู้เหตุการณ์หรืออนาคตได้เลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้นั้น ก็คือ การเตรียมความพร้อมในเหตุการณ์ที่มิคาดฝัน เพราะถ้าหากเหตุการณ์นั้นมาถึง แต่เราไม่มีความพร้อมในการรับมือที่ดี ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ใช้ชีวิตด้วยความประมาท มันอาจจะเป็นวิกฤตในชีวิตของคุณก็ได้ คุณลองคิดดูครับ หากเราเกิดวิกฤตทางการเงินขึ้นมา ซึ่งเราไม่มีเงินออมไว้เลย แล้วคุณจำเป็นที่จะต้องไปกู้หนี้ยืมสินเค้ามา เพื่อจะมาจบวิกฤตครั้งนี้ ถ้าสามารถยืมมาได้และจบปัญหาได้ ถือเป็นการดีครับ แต่ในชีวิตจริงมันเลวร้ายกว่านั้นมาก สมมติคุณกู้ยืมมาได้ก็จริง (โลกนี้มันไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ หรอกครับ) จากที่คุณจะได้จบกับปัญหาเก่า คุณอาจจะต้องเจอและรับภาระกับปัญหาใหม่ที่เข้ามาอีก ยิ่งถ้าคุณมีคนที่คุณรักในครอบครัวที่ต้องดูแล สามี ภรรยา พ่อ แม่ ปู่ ย่า บุตร เป็นต้น คุณจะจัดการกับปัญหานี้ที่ได้เกิดขึ้นแล้วอย่างไรครับ? ทุกปัญหาผมเชื่อครับ มันมีทางออกของมันเสมอ แต่จะดีกว่าไหมครับ ที่เราจะเริ่มสำรวจความเสี่ยงของตัวเอง และคนรอบตัวว่ามีอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ได้กล่าวไปข้างต้น หรือเพื่อสร้างเกราะป้องกัน และภูมิต้านทานของเราให้แข็งแกร่งและทนต่อสภาวะที่เลวร้ายได้ดี มีประสิทธิภาพ ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเก็บเงินไว้ออมได้ เนื่องมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ - ภาระหนี้สินเกินความจำเป็น หนี้จากบัตรเครดิต ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เช่าคอนโด (หนี้ที่ดีก็มีครับ อยู่ที่คุณจะบริหารอย่างไร) - พฤติกรรม หลายคนเจอกับปัญหานี้ครับ โดยเฉพาะนักชอปทั้งหลาย พอเห็นคำว่า "Sale" ใจแทบเต้นระรัว (ผมก็เคยเป็น ^^) - สินค้าฟุ่มเฟือย ถ้าเปรียบเป็นโทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันยังอยู่ในสภาพดี แต่ซื้อเครื่องใหม่มาด้วย - ความรู้ทางการเงิน เราถูกปลูกฝังกันมา ทำงานหาเงินมาให้ได้เยอะ ๆ แต่ไม่เคยมีใครสอนว่าจะต้องเก็บอย่างไร - วินัย หลายคนจะบอกว่า "ค่อยออมก็ได้ ใช้ไปก่อน" ส่วนใหญ่ที่พูดแบบนี้ มักจะไม่เหลือให้ออมครับ ผมขอกล่าวถึงเรื่องหนี้สักหน่อยครับ การมีหนี้สินนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษครับ หากคุณมีการสร้างหนี้เพื่อจะนำไปสร้างเป็นกระแสเงินสด หรือสามารถสร้างมูลค่าได้ คือ "หนี้ดี" เช่น ซื้อรถ เพื่อนำมาขับไปรับ-ส่งลูกค้า ได้รับค่าจ้าง, ซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อปล่อยเช่า แต่หากการที่เราสร้างหนี้มาเพื่อใช้ส่วนตัว เอามาใช้บริโภคประจำวัน เรียกว่า "หนี้เสีย" เช่น การนำบัตรเครดิตมารูดใช้จ่าย เป็นค่าดำรงในชีวิตประจำวัน แล้วผ่อนจ่ายชำระขั้นต่ำ หรือกดเป็นเงินสดออกมา (ดอกเบี้ยรันเป็นวัน) ก่อนอื่นต้องบอกเลยครับ กำลังความสามารถในการหาเงินของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน บางคนหาได้มาก บางคนหาได้น้อยแล้วแต่กำลังความสามารถ ความรู้ และประสบการณ์ครับ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาการออมครับ เพราะไม่ว่าคุณจะมีรายได้มาก-น้อย ก็สามารถออมได้เช่นกันตัวอย่าง - สุเมททำงานออฟฟิศมีรายได้ 100,000 บาท/เดือน แต่มีรายจ่าย 110,000 บาท/เดือน = -10,000 บาท/เดือน- เมธีเป็นพนักงานบริษัทมีรายได้ 20,000 บาท/เดือน มีรายจ่าย 15,000 บาท/เดือน = +5,000 บาท/เดือนเห็นหรือไม่ครับ ถึงคุณจะมีรายได้ขนาดไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีเก็บ และก็ไม่แน่เสมอไปครับว่าคนรายได้น้อยจะไม่มีเงินเก็บ ทำอย่างไรให้มีเงินออม :1. เพิ่มรายรับ - หากรายรับต่อเดือนของคุณไม่เพียงพอ คุณอาจจะต้องคิดหารายได้อีกทางหรือหลาย ๆ ทาง2. ลดรายจ่าย - ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือ รายจ่ายที่ฟุ่มเฟือย3. เปลี่ยนวิธีการออม - เปลี่ยน Mindset ในการออมเงินใหม่ "จากที่คุณจะใช้ก่อนและออม" เปลี่ยนเป็น "ออมก่อนแล้วค่อยใช้" สูตรการออม :รายรับ - เงินออม = รายจ่ายหากคุณสามารถออมเงินได้แล้ว การที่จะนำเงินออมไปต่อยอดในเครื่องมือทางการเงินชนิดอื่น ก็สามารถทำได้ครับ ไว้ผมจะนำมาเล่าให้ฟังในบทความถัด ๆ ไปครับ เครดิตภาพ : ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4