อื่นๆ

ทำเต็มที่ Vs. ทำให้เพอร์เฟกต์

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทำเต็มที่ Vs. ทำให้เพอร์เฟกต์

ผมเป็นนักดนตรีครับ  นี่คือหนึ่งในอาชีพที่ผมรัก เพราะทุกครั้งที่ได้ทำจะมีความสุขตลอด ประกอบกับพอเราได้มองไปที่ลูกค้าที่มานั่งฟังเราร้องเพลงในร้านอาหาร ภาพที่พวกเขาหัวเราะหัวใคร่กับครอบครัว จังหวะแห่งการอิ่มเอมใจโบกไม้โบกมือ มันทำให้ชีวิตของผมดูมีค่ามีราคาขึ้นมามากเหลือเกินครับ เพราะงั้นผมก็เลยมีคติประจำใจติดตัวเอาไว้ว่า "ทำงานทั้งที..  ต้องทำให้เต็มที่.. ทำให้ดีที่สุด"

คนดีดกีต้าร์

แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น! ไม่ใช่อุบัติเหตุอะไรหรอกครับอย่าตกใจไป!  มันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากสำหรับใคร ๆ แต่ส่งผลใหญ่โตกับเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์สไตล์อย่างผมมหาศาล!  นั่นก็คือ ในค่ำคืนก่อนหน้าที่จะต้องไปทำงาน จู่ ๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งมาชวนไปกินดื่ม หมอนี่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่นานทีปีหนจะเจอกันสักครั้ง  แล้วมันก็เรียกร้องให้ผมออกไปด้วยเหตุผลที่ว่า.. "เมื่อไหร่จะเจอกันอีกก็ไม่รู้?" ความกดดันถาโถม ผมรู้อยู่แก่ใจว่าพรุ่งนี้ไม่ว่าง แต่สุดท้ายก็มิอาจปฏิเสธคำชวนจากมันได้

Advertisement

Advertisement

ปรากฏว่าผมกินดื่มอยู่กับมันตั้งแต่ 3 ทุ่ม ทะลุไปถึงตี 4! โอ้แม่เจ้า! ไม่แฮงก์ให้มันรู้ไปสิครับ! ตื่นเช้ามามึนตึบเหมือนหัวโดนทับด้วยรถโม่ปูน หนักไปกว่านั้นเพราะตลอดทั้งคืน ผมต้องตะโกนคุยกับมันอยู่ตลอด เสียงคนหรือจะสู้เสียงเพลงจากลำโพงในผับ ไม่แหกปากมันก็ไม่ได้ยิน แล้วก็เป็นความจริงอันสุดซึ้งครับ..  ที่พอตื่นขึ้นมาแล้วนอกจากจะมึนหัวเป็นอย่างมาก น้ำเสียงของผมก็ถูกพรากหายไปด้วย!!!

ไอ และ จาม

อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนที่เป๊ะในรายละเอียดสุด ๆ เพลงทุกเพลงที่นำไปร้องจะต้องถูกซ้อมอย่างดี มีการอัปเดตใหม่ให้ทันยุคทันสมัยอยู่เสมอ เรียกได้ว่าไม่มีการทำแบบขอไปที หรือทำเล่น ๆ พอให้ได้ตังค์เด็ดขาด! ซึ่งพอตัวเองต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ไอค๊อก ๆ แค๊ก ๆ แบบนี้ มันก็เลยรับไม่ได้! ผมยังคงเล่นกีตาร์ได้ตรงกับท่วงทำนอง แต่เสียงร้องนี่สิที่เรียกว่าแหบพร่าา... เปล่งเสียงทีลำคอเหมือนกระดาษทรายขาด ๆ ที่ชวนให้ขากถุยทอดทิ้ง!

Advertisement

Advertisement

"หมาฉี่รดสังกะสียังน่าฟังกว่า" ถ้ามีตลกคาเฟ่แถวนี้ผมคงโดนด่าประมาณนั้น ครั้นจะไปโทษเพื่อนก็คงเปล่าประโยชน์ ก็เลยต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ด้วยการร้องไปทั้ง ๆ อย่างงั้น! ท่อนไหนขึ้นเสียงสูงก็จะดึงปากออกจากไมโครโฟนไปเลย! พลางทิ้งจังหวะเหลือไว้แต่ดนตรีเปล่า ๆ The show must go on! แม้จะอยากไถ่ถอนด้วยการถีบก้นเพื่อนสักป๊าบแต่ก็ทำไม่ได้ มีแต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ... จากคนที่ทำอะไรด้วยความตั้งใจและคาดหวังถึงความเพอร์เฟกต์ มันก็เลยเป็นอะไรที่น่าเสียใจอยู่ทีเดียว...

ชูนิ้วเยี่ยม ทว่าจู่ ๆ ผมก็กลับรู้สึกตัวเบาขึ้นมาครับคุณผู้อ่าน! ขณะเล่นกีตาร์ไปผมกลับสว่างโพลงขึ้นมาเองว่า... "ร้องแบบนี้ก็สบายคอดีเหมือนกันแฮะ.." ไม่ต้องประดิษฐ์ประดอยมาก, ไม่ต้องใช้เทคนิคหลบเสียงเอื้อนเอ่ยอะไรมากมาย, เอาพอตรง ๆ ไปแบบทื่อ ๆ ให้ตรงคีย์แล้วก็ร้องให้ดีที่สุด คนฟังเขาก็ไม่ได้ด่า เขายังยิ้มยังหัวเราะเหมือนเดิม ผู้จัดการร้านก็ไม่ได้ว่าอะไร เผิน ๆ แกยังไม่สนใจผมเลยด้วยซ้ำ!

Advertisement

Advertisement

โอ้โห! วินาทีนั้นเหมือนตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเองเลยครับ! ว่าเรานั้นแบกความเพอร์เฟกต์ไว้บนบ่าตลอดเวลา  ผมเพิ่งเคยรู้สึกสบายจากการทำงานเป็นครั้งแรก แต่ผลลัพธ์ในด้านความสุขกลับไม่แตกต่างกัน ร้องแบบเพอร์เฟกต์สุขแบบไหน วันนี้ร้องแบบสบาย ๆ ก็สุขเหมือนกับวันนั้นมิผิดเพี้ยน มันไม่มีความกดดันอะไรเลย เรายังคงเอนเตอร์เทนคนได้ และแท้ที่จริงผู้ชมก็ไม่ได้หวังอะไรจากเรา มีแต่เราที่คิดไปเอง

ไมค์โครโฟน จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมได้ค้นพบแง่คิดที่สำคัญต่อชีวิต ว่าการทำงานให้เพอร์เฟกต์สมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่ดี มันสื่อถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และการเป็นคนที่มีคุณภาพ แต่ถ้าหากเรายึดติดเกินไปก็จะกลายเป็นตัวเราเองที่เกิดทุกข์ ลองปล่อยวางลงบ้าง เราอาจจะได้เห็นโลกอีกใบที่ไม่ต้องพยายามกับมันเลย นุ่ม, เบา, สบาย แต่ก็ได้ผลลัพธ์เดียวกันนั่นคือ "ความสุข"

"ทำเต็มที่" กับ "ทำให้เพอร์เฟกต์" แบบไหนดีกว่ากัน?  ไว้ผมเจอเพื่อนคนเดิมอีกครั้ง ผมจะร้องเพลงเวอร์ชั่นเสียงแหบให้มันฟัง แล้วจะลองถามมันดูนะครับ^^

เครดิตรูปภาพPixabay : รูปปก / รูปที่ 1 / รูปที่ 2 / รูปที่ 3 / รูปที่ 4

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Lsunanta
Lsunanta
อ่านบทความอื่นจาก Lsunanta

จะเขียนให้สนุกนะ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์