“เตียง” เชื่อว่านอกจากตัวผู้เขียนเองแล้วยังมีอีกหลาย ๆ คนที่คิดเหมือนกันว่ามันช่างเป็นโลเคชั่นทำงานที่ยอดเยี่ยม ที่ขอแค่เพียงนำโต๊ะญี่ปุ่นสักตัวมาตั้งไว้ก็สามารถสร้างโต๊ะทำงานที่รายรอบไปด้วยความสบายอย่างเบาะนุ่ม ๆ แอร์ฉ่ำ ๆ บรรยากาศเงียบสงบช่วยกระตุ้นสมาธิ แถมยังสามารถนั่ง ๆ นอน ๆ ปรับเปลี่ยนอิริยาบถได้อย่างหลากหลาย ผ่อนคลายกว่าโต๊ะทำงานแคบ ๆ อย่างที่เทียบกันไม่ติด ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้หอบงานมาปั่นที่บ้านยาว ๆ แบบนี้ มีหรือที่จะพลาดไม่มาเปิดโต๊ะทำงานในห้องนอน ซึ่งในช่วงแรกก็ยอมรับว่าช่างเป็นวิถีชีวิตที่เลิศเลออยู่พอสมควรเลยทีเดียวเชียว (ภาพโดย Karolina Grabowska จาก Pixabay) จนกระทั่งเราเริ่มชินจนติดอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ โดยไม่ลุกไปไหน ติดลมจนลืมยืดเส้นยืดสายเข้านั่นแหละ ความเจ็บร้าวเข้าขั้นมหาภัยก็เริ่มเข้ามาทักทายตลอดแนวกระดูกสันหลัง จากช่วงแรกที่แค่ปวดเมื่อยพอเป็นพิธี ไม่มีอะไรให้ต้องมาใส่ใจ แต่นี่แหละคือสัญญาณเตือนก่อนเกิดเหตุที่แท้ แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องเดาให้เสียเวลา อาการปวดหลังจากเดิมที่แค่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเริ่มลุกลามกลายเป็นความเจ็บปวดที่หนักขึ้นและนานขึ้น หลายครั้งที่เมื่อละจากคอมพิวเตอร์จะเจ็บจนยืนหลังตรงไม่ได้ไปพักหนึ่ง จนเริ่มรู้สึกว่าในตอนนี้เรากำลังจะเสียทั้งสุขภาพและบุคลิกไปพร้อม ๆ กันทีละเล็กทีละน้อย เนื่องจากการนำโต๊ะญี่ปุ่นมาตั้งหรือวางแล็ปท็อปไว้บนตักเป็นการสร้างสภาพบังคับให้เราจำเป็นจะต้องนั่งหลังค่อมเป็นเวลานาน จนกล้ามเนื้อที่ถูกเกร็งค้างแสดงอาการเจ็บปวดบริเวณสันหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งเมื่อได้มาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็พบว่าหากยังนั่งทำงานในสภาพหลังงอค่อมแบบนี้ต่อไป นอกจากอาการปวดหลังแล้ว อาการที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งซ้ำ ๆ ในอิริยาบถเดิม ๆ จนเกิดอาการปวดเรื้อรังไปจนถึงเส้นประสาทถูกกดทับอย่าง Office Syndrome จะต้องตามมาในไม่ช้าอย่างแน่นอน (ภาพโดย Wolfgang Claussen จาก Pixabay) สุดท้ายถ้ายังฝืนต่อไปก็ไม่ใช่จะจบแค่อาการเจ็บปวดเรื้อรังเพียงอย่างเดียว เพราะนอกจากกล้ามเนื้อแล้วกระดูกก็เป็นอีกชิ้นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยกระดูกสันหลังสามารถเกิดการคดงอผิดรูปได้ ซึ่งหากมาถึงจุดนี้แล้วก็เรียกว่าสรีระและสารร่างน่าจะพังกันไปทั้งระบบแบบยากที่จะกู้คืน โดยอาการทั้งหมดที่กล่าวมาเกิดขึ้นครบจบกระบวนการได้โดยไม่ต้องรอแก่กันเลยทีเดียว และเราเองนี่แหละที่อาจจะต้องเผชิญกับความทรมานสังขารกันไปจนแก่แทน จุดนี้เองทำให้เมื่อถึงคราวต้องเลือกระหว่างสุขภาพกายใระยะยาวแล้ว การละทิ้งความสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างที่สุด ผู้เขียนจึงได้ตัดสินใจย้ายงานทุกอย่างออกมาจากเตียง กลับสู่ที่ ๆ มันควรอยู่อย่างโต๊ะทำงานเสียที เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพกายในระยะยาวของตัวเอง สำหรับใครที่ติดเตียงอยู่ตอนนี้ก็อยากลองให้สำรวจสรีระและความเหมาะสมของท่านั่งที่ทำอยู่เป็นประจำกันด้วยนะคะ อันตรายภัยเงียบที่ตามมาจากการนั่งทำงานผิดท่ามันไม่น้อยเลยจริง ๆ ลองย้ายมาโต๊ะทำงานแล้วไม่ใช่แค่ได้ปรับสรีระ แต่บรรยากาศที่ถูกจัดไว้เพื่อการทำงานยังกระตุ้นความกระตือรือร้นให้เราได้ด้วยนะ ปล.แต่สำหรับผู้ที่ยึดมั่นกับเตียงต่อไป แนะนำว่าให้ลองหาเบาะรองนั่งแบบมีพนักพิงหลังมาเสริมเสียหน่อย อย่าปล่อยให้หลังงอเด็ดขาดเชียว (ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay)