ไลฟ์แฮ็ก

ทำงาน ดูที่เนื้องาน ไม่ใช่สถานที่ทำงาน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทำงาน ดูที่เนื้องาน ไม่ใช่สถานที่ทำงาน

สำหรับคนทำงานแล้ว เชื่อว่า  คงต้องเคยมีความคิดกันบ้างแหละว่า ไม่อยากเข้าไปออฟฟิศ ถ้าทำงานจากที่ไหนได้ก็น่าจะดี น่าจะสะดวก หากว่า หัวหน้างานอนุญาต และเขาก็สามารถส่งมอบงานตามที่ถูก assign ได้เรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่องอันใด

ก็เลยนำมาสู่แนวคิดที่เรียกว่า ROWE หรือย่อมาจากคำว่า Result – only work environment ซึ่งให้ความสำคัญกับผลที่เกิดขึ้นจากการทำงานมากกว่าจะเพ่งมองว่า พนักงานทำงานที่ไหน และเมื่อใด ซึ่งบริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจอย่าง JL Buchanan ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา นำมาใช้ตั้งแต่เมื่อปี 2009 แล้ว

Susan Hoaby ซีอีโอของ JL Buchanan บอกว่า เธอไม่แปลกใจหากว่าไล่หน้าฟีดในอินสตาแกรมแล้วจะเจอพนักงานของเธอโพสต์ว่า “ตอนนี้ ฉันอยู่ที่ปารีส” เธอย้ำว่า เธอให้ความสำคัญกับ “การเชื่อใจกัน” เธอเชื่อว่า แม้พนักงานของเธอจะไปย่ำเท้าอยู่ที่เมืองน้ำหอม แต่ก็จะมีงานส่งกลับมาให้เธอแน่นอน

Advertisement

Advertisement

where???

สำหรับ Jody Thompson ในฐานะคนร่วมออกแบบแนวคิด ROWE ก็บอกว่า หลักคิดสำคัญก็คือ พนักงานแต่ละคนต้องได้รับความไว้วางใจจากองค์กรแบบเต็มร้อย และมีอำนาจการตัดสินใจเต็มเปี่ยมในการจัดการงานของตัวเองให้เรียบร้อย โดยตัวสำนักงานอาจจะยังมีอยู่ แต่ความต้องการพื้นที่สำนักงานจะน้อยลงไปทุกขณะ

ผู้เขียนก็เชื่อว่า มันเป็นจริง ยิ่งในสถานการณ์โควิด 19 แบบนี้ บวกกับการเข้าถึงสัญญาณไวไฟ เชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้จากทุกที่ ฉะนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปออฟฟิศเพื่อทำงาน ทำที่ไหนก็ได้ แล้วเข้าสำนักงานเพื่อประชุมหรือเผลอ ๆ ก็ประชุมกันทางไกล ผ่าน ซูม หรือมีท ก็ได้ สะดวกดี ส่วนตัวเจ้าของกิจการ ก็ไม่ต้องเปลืองต้นทุนค่าสถานที่ ค่าแม่บ้าน ดูแลทำความสะอาด ฯลฯ

แล้วผลที่เกิดจากการนำแนวคิด ROWE มาใช้เป็นอย่างไรนะ

fruitful

ที่ JL Buchanan พบว่า การมีส่วนร่วมของพนักงานต่อองค์กรดีขึ้นมาก ตลอดจนผลิตผลการทำงานและประสิทธิภาพการทำงานก็ล้วนแต่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรและยอดขายขององค์กรขยับดีขึ้นด้วยเช่นกัน

Advertisement

Advertisement

สิ่งที่จะทำให้การนำแนวคิดนี้มาใช้ได้แบบเกิดผลทางบวก  ต้องเริ่มจากการทลายความเชื่อเดิม ๆ ที่ว่า พนักงานที่ดี คือคนที่ "นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะทำงาน" ออกไปก่อน เพราะหลาย ๆ ครั้ง พนักงานก็อาจมีเหตุต้องไปจัดการธุระเรื่องลูก ๆ ที่โรงเรียน ทำให้เข้ามาตามเวลาไม่ได้ หรือบางคนฟิตจัด อยากออกกำลังกายหลังพักเที่ยงก็จะได้ไปทำอย่างตั้งใจโดยไม่รู้สึกผิดและกลับมาทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่า ไม่ต้องถูกสงสัยจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น หรือถูกเหน็บแนมเวลาหายไปจากสำนักงาน และที่พีกสุด ๆ คือ พนักงานสามารถหยุดพักร้อนได้ไม่จำกัดวัน ไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้าด้วย เพราะถือว่า หากยึดตามหลัก "การเชื่อใจกัน" บริษัทให้พนักงานได้อำนาจเต็มในการบริหารงานของตนให้เรียบร้อย

บางคนอาจสงสัยว่า ให้เสรีขนาดนี้ พนักงานจะยังอยู่กับองค์กรอีกไหม ประเด็นนี้ Greg Watt แห่ง WATT Global Media บริษัทให้บริการด้านการตลาดและข้อมูลในอุตสาหกรรมการเกษตร และได้นำหลักคิด ROWE มาใช้กับองค์กรตั้งแต่ปี 2012 ยืนยันให้สบายใจ เขาบอกว่า เดิมทีก็เคยกังวลเรื่องนี้ แต่กลายเป็นว่า นอกจากจะรักษาคนทำงานคุณภาพไว้กับองค์กรได้แล้ว ยังดึงดูดคนเก่งคนอื่น ๆ ให้อยากมาทำงานกับองค์กรด้วย เพราะเงื่อนไขการทำงานที่โดนใจกันขนาดนี้

Advertisement

Advertisement

Watt ย้ำว่า การที่นั่งก้นติดเก้าอี้ตลอดเวลาไม่ได้แปลว่า จะทำงานได้ดีเสมอไป มันก็แค่ความเข้าใจว่า จะเป็นเช่นนั้น สอดคล้องกับที่ Thompson  บอกว่า พนักงานจะทำงานให้บรรลุความสำเร็จ ต้องมีการกำหนดเป้าหมายและวิธีวัดผลที่ชัดเจน ทุกคนต้องรู้ว่าจะได้รับการตอบแทนจากผลการทำงานตามเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร และทุกคนในองค์กรจะถูกตัดสินด้วยกฎเกณฑ์แบบเดียวกัน เท่าเทียมกัน ไม่มีการลำเอียงว่าเป็นลูกรัก ลูกชัง เพราะจะพิจารณาจากเนื้องานอย่างเดียวเท่านั้น

โดยปกติแล้ว องค์กรที่จะมีระบบบริหารจัดการแบบนี้ได้ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการกำหนดเป้าหมายเสียใหม่ จากเดิมที่ทุกอย่างถูกกำหนดจากคนระดับบนในองค์กร ก็ต้องเปลี่ยนให้คนระดับล่างสามารถส่งเสียงสะท้อนไปถึงระดับบนได้ และร่วมกันกำหนดเป้าหมาย ส่วนผู้จัดการก็ควรมีการปรับบทบาท ให้มาเน้นว่า จะทำอย่างไรที่จะช่วยให้พนักงานแต่ละคนทำงานได้มีประสิทธิภาพ ช่วยแก้ไขปัญหา อุปสรรคในการทำงาน เพื่อให้พนักงานทำงานได้ราบรื่นที่สุด และผู้จัดการต้องเป็น ”โค๊ช” ช่วยดูแลแนะแนวทางให้ทีมงานทำงานได้สำเร็จกันทุกคนด้วย

blue sky on bright day

รูปแบบการทำงานภายใต้หลักคิดนี้ ถือเป็นการผนวกรวมชีวิตและงานให้เดินไปด้วยกันได้อย่างดี พนักงานมีอิสระ สามารถคิด วางแผน ตัดสินใจการทำงานของตนได้ ได้ชีวิตส่วนตัวที่มีคุณภาพกลับมา แน่นอนว่า ย่อมทำงานแต่ละชิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อ่านมาจากบทความ These employers don't care when or where you work ในเว็บไซต์ของ CNN เห็นว่า น่าสนใจดี เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง ในวันที่กระแส Work From Home กลับมาอีกแล้ว

#kamon #TrueIDIntrend #Lifehack #WorkLifeBalance #ROWE #ResultOnlyWorkEnvironment #Trust #Work #Productivity #WorkFromHome

ภาพหน้าปกและภาพประกอบ โดย ผู้เขียน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
kamon
kamon
อ่านบทความอื่นจาก kamon

ชอบเขียน เรื่องอะไรที่รู้มา หรือสนใจ ก็อยากจดบันทึกไว้ให้ใจจำ และนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับใช้กับชีวิต เพ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์