...เส้นทางที่น่ากลัวที่สุด...ที่ผมไม่เคยลืม... สวัสดีครับผมชื่อ นนท์ ผมเป็นคนกรุงเทพฯ ผมมีเรื่องที่ผม ได้พบเจอมาสดๆหมาดๆเลยครับ เรื่องมันเกิดเมื่อวันจันทร์ในอาทิตย์ที่แล้วครับ โดยส่วนตัว ผมเชื่อเรื่องผีสางอยู่แล้วครับ และค่อนข้างที่จะเห็นผีอยู่บ่อยๆ ในวันนั้นก็เช่นกันครับ แต่ในวันนั้นเป็นวันที่ผม ได้เจอกับผีที่น่ากลัวที่สุด เท่าที่ผมเคยพบเจอมาครับเรื่องมีอยู่ว่า………………..ขวัญ : "..มาให้ได้นะนนท์..งานแต่งของเรา..เราอยากให้เธอได้มาจริงๆนะ.."ผม : "...ไปแน่นอนขวัญ..ยินดีด้วยนะเพื่อน..อย่าลืมส่งโลเคชั่นมาด้วยนะ..."ขวัญ : "..โอเครนนท์..ไว้เจอกันที่งานนะ…" ขวัญเพื่อนสาวสมัยมัธยมของผมเองครับ เธอโทรมาชวนไปงานแต่งของเธอที่จังหวัดศรีสะเกษครับ เนื่องจากระยะทางในการเดินทางค่อนข้างไกล ผมจึงต้องเดินทางก่อนวันงานแต่งหนึ่งวัน เมื่อถึงวันเดินทาง ผมก็ได้เดินทางในช่วงบ่ายๆครับ เนื่องจากตอนเช้าผมติดธุระบางอย่างอยู่ กว่าจะถึงที่บ้านขวัญก็น่าจะดึกๆ ผมขับรถตามโลเคชั่นมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เวลา 18.00 น. ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมจึงต้องชะลอความเร็วลงเพื่อความปลอดภัย เพราะทางที่ผมขับผ่านอยู่นี้ ไม่มีไฟข้างทาง และค่อยข้างเปลี่ยว มืดมิดไปหมด และไม่ค่อยมีรถขับผ่านเท่าไหร่นัก นี่ถ้ารถของผมเสียหรือดับ คงต้องแย่แน่ๆครับCr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ผมขับมาเรื่อยๆ จนเวลา 20.00 น. เส้นทางรอบตัวผม ดูวังเวงสุดๆ "..วี๊ดดดดดดดดดดด...วี๊ดดดดดด…" มีเสียงนกร้องเสียงดังระงมไปหมด บรรยากาศที่ตอนแรกเงียบสงบมาก จู่ๆ ลมก็พัดไปมาค่อนข้างแรง บรรยากาศรอบตัวผมตอนนี้ มันน่ากลัวไปหมด และด้วยความกลัว จึงเร่งความเร็ว"...ฟืบบบบบบ…...ฟึบ.." จู่ ๆ รถที่ขับมาดีๆ ก็ดับลง ผมพยายามสตาร์ทรถ แต่สตาร์ทเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ติด แต่ผมก็ไม่ละความพยายาม ผมยังคงสตาร์ทรถอยู่เรื่อยๆ พยายามสตาร์ทอยู่นานก็ไม่ติด ผมเริ่มร้อน จึงลดกระจกลง และหยุดพักซักพัก"..วี๊ดดดดดดดดดดดด...กรี๊ดดดดดด..วี๊ดดดดดด.." จู่ๆ ก็มีเสียงอะไรไม่รู้ เสียงแหลมมากๆ เสียงแหลมจนผมแสบแก้วหูไปหมดCr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน"..พรึ่บ..พรึ่บ...พรึ่บบ.." เสียงนกบินกันพรึ่บพรั่บเต็มไปหมด บรรยากาศยังคงวังเวง หลอนๆพิกลๆ "..ฟิ้วววววว….ฟิ้ววววว…." ลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในตัวรถของผม จนรู้สึกหนาวสั่น และขนลุกชัน ผมเห็นว่าบรรยากาศเริ่มจะไม่ดี จึงสตาร์ทรถอีกครั้ง และรถก็ติด ผมไม่รอช้า รีบขับรถไปจากตรงนี้ทันทีและผมก็มาถึงบ้านขวัญในเวลา 23.00 น.ขวัญ : "..นนท์..ป่ะเข้าไปในบ้านก่อน..ฉันจัดห้องให้แล้ว.."ผม : "..บ้านหลังใหญ่มากเลยขวัญ.." ขวัญพาผมไปพักที่ห้อง และรุ่งเช้าผมก็ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อร่วมงานแต่งของขวัญ บรรยากาศในงานครึกครื้นรื่นเริง ผู้คนยิ้มแย้มและสนุกสนาน แต่งานกว่าจะเลิกก็ดึกดื่น จนเวลา 00.00 น. ทุกคนดื่มด่ำกับความสุขจนเต็มที่แล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับ ส่วนผมเองยังต้องอยู่ที่นี่อีกวัน เพื่อจะช่วยขวัญเก็บกวาดงานให้เรียบร้อยก่อนจะกลับ เช้ามาก็เก็บกวาด และดูแลแขกผู้ใหญ่ที่ยังอยู่ ผมลืมบอกไปว่าผมเป็นเชฟ ทำงานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง และแน่นอน ทุกมื้อของวันนี้ ขวัญขอร้องให้ผมช่วยทำกับข้าวเลี้ยงแขก ผมไม่ลังเลเลยที่จะทำมัน กว่าจะเรียบร้อยทุกอย่างก็เป็นเวลา 20.00 น. มืดพอดีขวัญ : "...นนท์ คำแล้วนอนที่นี่อีกซักคืนดีกว่า ขับรถมืดๆค่ำๆมันอันตราย.."ผม : "..ไม่เป็นไรขวัญ...เราต้องรีบกลับ เพราะลางานถึงแค่วันนี้น่ะ .."ขวัญ : "..อ้าวหรอ ..ทำไมไม่บอกเราอ่ะ อยู่ช่วยงานซะเสร็จเลย.."ผม : "..ไม่เป็นไร..งานของเพื่อนทั้งที..ต้องเต็มที่หน่อย.."ขวัญ : "..งั้นเดินทางกลับปลอดภัยนะนนท์ "ผม : "..อื้มมมม.. " ผมยังคงใช้เส้นทางเดิมในการขับรถกลับบ้าน ในระหว่างการเดินทางบนทางดังกล่าว บรรยากาศยังคงสงบดี แต่เมื่อถึงตรงจุดๆเดิมนั้น"...ฟืบบบบบบ…...ฟึบ.." จู่ ๆ รถที่ขับมาดีๆ ก็ดับลง ผมพยายามสตาร์ทรถ แต่สตาร์ทเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ติด เป็นเหมือนตอนขามาเลย รถน้ำมันไม่หมดแต่กลับดับไปเฉยๆ"..พรึ่บ..พรึ่บ...พรึ่บบ.." เสียงนกบินกันพรึ่บพรั่บเต็มไปหมด บรรยากาศวังเวงและดูน่าขนลุก แต่ด้วยความสงสัยว่ารถน่าจะมีปัญหาบางอย่าง เลยตัดสินใจเปิดประตูและลงจากรถ เดินไปดูรอบๆรถของผม โดยผมค่อยๆ เดินช้าๆ จากกระโปรงหน้ารถข้างขวาและเดินไล่ดูมาท้ายรถ และวนไปหน้ากระโปรงรถอีกด้านCr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน"..เมี้ยววววว.ขู่ๆๆๆ...เมี๊ยววววว…."ผม : "..เฮ้ย !!! …" ผมตกใจและตะโกนออกมาเสียงดัง ในขณะที่ผมเดินมาถึงหน้ากระโปรงรถพอดี ก็มีแมวสีดำตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากป่าข้างทาง กระโดดขึ้นมาบนกระโปรงรถของผม มันร้องและขู่ใส่ผมเสียงดัง สายตาของแมวตัวนี้น่ากลัวมากๆ ด้วยเพราะความมืด ตาของแมวจึงมีแสง นั่นล่ะครับที่ทำให้ผมกลัวไปยิ่งกว่าเดิม"..เมี้ยววววว.ขู่ๆๆๆ...เมี๊ยววววว…ขู่ๆๆๆๆๆ..." แมวตัวนี้ยังคงมองหน้าผม และขู่ผมอยู่อย่างนั้น และมันเริ่มเดินไปเดินมาบนกระโปรงรถของผม"..เมี้ยววววว...เมี๊ยววววว…." แมวดำตัวนี้หันมาร้องใส่ผม และกระโดดลงกระโปรงรถ และวิ่งข้ามถนนเข้าไปในป่าอีกฝั่งหนึ่ง"..ฟิ้วววววว….ฟิ้ววววว…ฟิ้ววววว...." ลมพัดแรงขึ้นๆ ฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนกำลังจะตก "...ซ่าาาาาาาาา......" และแล้ว ฝนก็ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว ผมรีบวิ่งเข้ารถทันที ทั้งตัวผมเปียกชุ่มไปหมด ผมนั่งงงหนักมาก เพราะในตอนแรกไม่เห็นว่าจะมีท่าทีฝนจะตกเลย แต่จู่ๆจะตกก็ตกลงมาซะอย่างนั้น พอฝนตกหนักแล้ว บรรยากาศก็กลายเป็นวังเวงหนักขึ้นไปอีก ใจของผมสั่นระรัว ในหัวของผมเริ่มจะคิดไปเรื่อย คิดแต่ว่ามีอะไรแปลกๆบางอย่าง"..กรี๊ดดดดดดดดดดดดด….กรี๊ดดดดดด….กรี๊ดดดดด…..กรี๊ดดดดด…" มีเสียงบางอย่างกรีดร้องเสียงดัง เสียงมันแหลมเหมือนตอนที่ไมโครโฟนหอนยังไงยังงั้น และแล้ว สิ่งที่ผมไม่อยากจะเห็นก็ได้ปรากฎขึ้น มีร่างสูงๆ หลายสิบตน มันสูงมากๆเลยครับ มือเท่าใบลาน ตาแดงก่ำ กำลังเดินตรงมาที่รถของผม และแน่นอน ใครๆก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือตัวอะไรCr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ใช่ครับ ที่ผมเห็นนั้น มันคือเปรต ในขณะนี้เปรตหลายสิบตน ยืนล้อมรอบรถผมเต็มไปหมด และจ้องมองมาที่ผม พร้อมกับกรีดร้องอยู่ตลอดเวลา ตัวของผมสั่นระริก เหงื่อของผมไหลท่วมไปทั้งตัว ผมกลัวมากๆ ผมไม่รู้จะต้องทำอย่างไงต่อ ผมจึงได้แต่ร้องให้ออกมาด้วยความกลัว ซักพักผมก็รวบรวมสติ และผมก็เริ่มสวดมนต์ พึมพำ พึมพำอยู่บนรถ แต่เมื่อผมยิ่งสวดเท่าไหร่ๆ เสียงกรีดร้องก็ยิ่งดังขึ้น ดังขึ้น จนผมรู้สึกเหมือนแก้วหูจะแตก ผมเลยหยุดสวดมนต์ทันที ผมต้องทนอยู่กับบรรยากาศแบบนั้นเป็นชั่วโมงๆเลยครับ จนเวลา 23.00 น. ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก็หยุดลงซักที แต่ทว่า...เปรตทั้งหลายเหล่านี้ ก็ยังคงอยู่และกรีดร้องอยู่ตลอด ผมเริ่มทนไม่ไหวกับสถานการ์ณแบบนี้ ผมจึงสตาร์ทรถอีกครั้ง และก็เหมือนเดิมครับ ผมพยายามสตาร์ทรถเท่าไหร่ๆ มันก็ไม่ติด ในหัวของผมตอนนี้รู้สึกตันไปหมด ผมคิดหาทางออกจากที่นี่ไม่ได้เลย ผมพยายามกดโทรหาเพื่อนๆของผม ให้มาช่วยผม แต่ผมก็โทรไม่ติดเลยซักคน ผมร้องให้โฮออกมา…..และเริ่มคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงผู้มีพระคุณของผม ผมได้แต่คิดและกลัวว่า ผมจะไม่ได้กลับไปตอบแทนพระคุณท่านอีกต่อไปแล้ว ผมร้องให้ออกมาด้วยความเสียใจ แต่ทว่า….สิ่งนี้นี่แหละ ที่ทำให้ผมหยุดทุกอย่างลงได้… เปรตเหล่านั้น..ค่อยๆเลื่อนหายไปต่อหน้าต่อตาของผม ทีละตน ทีละตน จนหมดครบทุกตน ลมที่พัดแรงนั้นก็เริ่มสงบลง เหลือเพียงเสียงนกร้อง และบินว่อนเต็มท้องฟ้า ผมรู้สึกดีใจมาก และลองสตาร์ทรถอีกครั้ง และแล้วรถของผมก็ติดซักที ผมไม่รอช้า ผมรีบขับรถออกจากจุดๆนี้ทันที ผมขับรถออกไปด้วยความเร็วมาก จนได้หลุดออกมาจากถนนเส้นนั้น สู่ถนนใหญ่ ที่มีรถวิ่งไปมาอยู่มากมาย ผมรู้สึกโล่งใจมากๆ แต่ทว่าผมเองก็รู้สึกเหนื่อยและง่วงมากๆ ผมตัดสินใจขี่รถหารีสอร์ทแถวๆนี้ เพื่อนอนพักผ่อนก่อน และค่อยเดินทางต่อในตอนเช้า และได้เจอกับรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ผมไม่รอช้ารีบไปติดต่อเข้าพักทันที เสร็จแล้วพนักงานก็พาเดินไปพักที่ห้อง หลังจากที่ผมเดินมาถึงห้อง ผมรีบเปิดประตู ทิ้งกระเป๋าลงกับพื้น และด้วยความเหนื่อยล้านั้น ทำให้ผมทิ้งตัวลงกับที่นอนอย่างแรง และเริ่มคล้อยหลับไปในไม่นาน และผมก็ฝัน….ผมฝันเห็นเหตุการณ์เหล่านั้น ที่ผมเจอมา….ในฝันนั้นผมพยายามวิ่งหนีเปรตเหล่านั้น ท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา ผมพยายามร้องตะโกนให้คนช่วยตลอดทาง และเปรตเหล่านั้นค่อยๆ เดินตามผมมาเรื่อยๆ และผมก็วิ่งอย่างสุดชีวิตไปเรื่อยๆ และถนนเส้นนั้นในฝันของผม ก็ไม่มีท่าทีจะสิ้นสุดเลยด้วย ผมวิ่งอยู่อย่างนั้น และผมก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยมากๆ จนในที่สุด ผมก็หมดแรง และล้มฟุ่บ!! ไปกับถนนเส้นนั้น เปรตเหล่านั้นยืนจ้องที่ผมอยู่ตลอดเวลา และกรีดร้องใส่ผมไม่หยุด ด้วยความเหนื่อย ผมก็หมดหวัง และไม่มีแรงที่จะหนี ผมเริ่มหลับตาลงไปช้าๆ พนักงาน : "..คุณคะ คุณคะ..คุณคะ….คุณคะ.." เสียงพนักงานร้องเรียกผม และเขย่าตัวผมให้ตื่น ผมลืมตาขึ้นมา สภาพเนื้อตัวของผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงือไปทั้งตัวพนักงาน : "...คุณเป็นอะไรไปรึป่าวคะ…ฉันได้ยินเสียงคุณร้องเสียงดังมาซักพัก...เลยไขประตูเข้ามาค่ะ..." ผมยังคงนั่งตัวสั่นอยู่อย่างนั้น และพูดอะไรไม่ออกพนักงาน : "...พอดีว่าตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ไม่เห็นคุณมาติดต่อเลย เราเดินมาเคาะประตูห้องของคุณ เราเคาะกันอยู่นานมากๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคุณเลย และซักพักเราก็ได้ยินเสียงคุณร้องช่วยด้วย ช่วยด้วยเสียงดังมากๆ พวกเราเลยไขประตูเข้ามาค่ะ ...คุณมีอะไรให้ช่วยรึป่าวคะ...มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณรึป่าวคะ…"ผม : "..อะไรนะครับ!! หมายความว่ายังไงครับ.."พนักงาน : "..วันนี้ตี 1 ของอีกวันแล้วค่ะ.."ผม : "..หมายความว่า..ผมนอนหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ เลยหรอครับ ..ผมจำได้แค่ว่าผมมาถึงห้อง ผมก็นอนเลยครับ..นี่เรื่องจริงใช่ไหมครับ.."พนักงาน : "..จริงค่ะคุณลูกค้า..แล้วคุณลูกค้าจะยังไงดีคะ หรือจะพักต่ออีกคืนดีคะ.."ผม : "..พักต่ออีกวันแล้วกันครับ.."พนักงาน : "..ได้ค่ะ ว่าแต่ลูกค้ามีอะไรให้ช่วยรึป่าวคะ.."ผม : "..พรุ่งนี้ประมาณเที่ยง ถ้าผมยังไม่ออกจากห้อง ผมรบกวนมาปลุกผมทีนะครับ ผมกลัวหลับนานเหมือนวันนี้อีก…"พนักงาน : "..ได้เลยค่ะลูกค้า.." เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะครับ ผมหลับไปนานเป็นวันๆ และฝันว่าวิ่งหนีผีเปรตพวกนั้นทั้งวัน มันเหนื่อยแทบใจจะขาดเลยล่ะครับ ก่อนจะล้มตัวนอนลงอีกครั้ง ผมก็สวดมนต์ก่อนนอน และนอนหลับไป แล้วจะเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ และกะจะแวะวัดซักที่เพื่อทำบุญซักหน่อย และในคืนนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย ผมหลับสบายและเต็มอิ่มพร้อมเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยCr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน...เหตุการณ์ในวันนั้น..ทำให้ผมคิดอะไรได้บางอย่าง..นั่นคือการตอบแทนพระคุณบุพการีของผม..ก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาสได้ทำ..และผมบอกกับตัวเองว่า ..จะไม่เดินทางตอนกลางคืนอีกเด็ดขาด..และได้แต่หวังว่าจะไม่เจอกับเปรตดุเหล่านั้นอีก…