เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายพื้นที่ทั่วโลกกำลังคลี่คลายหลายภาคส่วนพยายามฟื้นฟูภาคธุรกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างหนักหน่วงผู้เขียนได้มีโอกาสพบเจอ The True Test of ASEAN Youth's Resilience and Adaptability จาก กลุ่ม Sea (Group) ร่วมมือกับสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) ถือเป็นการวิจัยที่สะท้อนความจริงในปัจจุบันที่น่าสนใจเพื่อประเมินผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 สร้างการปรับตัวและการรับมือ ของคนยุคใหม่อายุ 16 – 35 ปี ประมาณ 70,000 คนจากพื้นที่ในอาเซียนทำให้เกิดมาเป็นบทความที่สรุปให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้นผสมผสานกับความคิดเห็นของผู้เขียนขึ้นมาในครั้งนี้1. ดิจิทัลเปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้านในช่วงกักตัวมีการเกิด First Time Users เพิ่มมากขึ้นถึง 87% พร้อมมีการทดลองเปิดใจเรียนรู้ Applications ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน มีเวลาว่างหาความบันเทิงพูดคุยดูหนังฟังเพลงเล่นเกมบนโลกโซลเชียล ปรับเปลี่ยนการศึกษามาเป็นรูปแบบออนไลน์ เกิดธุรกิจรูปแบบ E Commerce มีตัวเลือกซื้อขายที่หลากหลายเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องออกเดินทางไปจับจ่ายแต่สามารถทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในช่องทางที่มากมายแทน ด้านภาคหน่วยงานและบริษัทต่าง ๆ ก็จำเป็นที่ต้องเข้าประชุมผ่านสื่อทางไกลออนไลน์ผ่านเครือข่ายแบบเห็นภาพ ได้ยินเสียงและรับส่งข้อมูลถึงกันได้ เช่นการประชุมประจำปีหรือเดือน การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นซึ่งทุกคนต้องมีทักษะความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 9 ด้าน ได้แก่ การใช้งานคอมพิวเตอร์ การใช้โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมตารางคำนวณ โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล โปรแกรมนำเสนองาน การใช้งานอินเตอร์เน็ต การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ การใช้งานเพื่อรักษาความมั่นคงและปลอดภัยของดิจิทัล2. ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต จากผลการสำรวจพบว่าผู้หญิงมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากกว่าผู้ชายและประเทศไทยมีสัดส่วนประชาชนในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ต่ำสุดในภูมิภาคเราจึงควรให้ความสำคัญในด้านนี้มากขึ้นโดยการเป็น Self-directed learners (ผู้ที่พาตนเองไปเรียนรู้วิชาใหม่ ๆ ด้วยตนเอง) สร้างสรรค์ประโยชน์แก่ตนเอง แนะนำให้ทำในสิ่งที่รักเพราะสิ่งนี้เป็นตัวเลือกที่สร้างและกำหนดควบคุมตนเองให้สำเร็จเพื่อเป็นการปรับสภาพให้สามารถอยู่กับความไม่แน่นอนได้ง่ายขึ้น หรือสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย อาจใช้เวลาหาข้อมูลมาอ่านฟังพูดจดบันทึก เรียนพิเศษ ฝึกปฏิบัติ เข้าคอร์สออนไลน์โดยใช้หลักการตั้งเป้าหมายแบบ SMART ได้แก่S = Specific (ชัดเจน)M = Measurable (วัดผลได้)A = Action-oriented (กำหนดขอบเขตสิ่งที่จะทำ)R = Realistic (เป็นไปได้จริง)T = Time-defined (กำหนดระยะเวลาที่จะทำให้เสร็จ)3. ความสำคัญของการเงินเหตุการณ์ครั้งนี้บ่งชี้ไปถึงความระมัดระวังในการใช้จ่าย ผู้คนมีการเงินที่รัดเข็มขัดมากขึ้นดังจะเห็นได้ว่าเงินเก็บเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในเวลาที่ไร้ซึ่งความแน่นอนช่วยให้ใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างสบาย ควรให้ความสนใจในด้านการลงทุนกับประกันสุขภาพมากขึ้นเพราะโลกที่เปลี่ยนไปอาจมีอะไรที่ไม่คลาดฝันเกิดขึ้นมาได้อีก หาวิธีการสร้างรายได้จากอาชีพเสริม เรียกได้ว่าทำให้หลายคนใช้สติก่อนซื้อสินค้ามากค่ะ4. ปรับปรุงพัฒนาแก้ไขปัญหาเตรียมให้พร้อมทุกเวลามาดูทางด้านอุปสรรคในการใช้ชีวิตกับการแพร่ระบาดโควิด-19 กันบ้างดีกว่าค่ะ ที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยความเลื่อมล้ำทางสังคมในหลายประเทศของภูมิภาคนี้ที่ยังแก้ปัญหากันไม่ค่อยได้เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินไม่เท่ากัน อุปกรณ์การสื่อสารและราคาอินเตอร์เน็ตมีต้นทุนสูงเพราะมีความสำคัญสำหรับการศึกษาและรับข้อมูลข่าวสาร มีปริมาณผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสูงขึ้นจริงแต่ติดขัดทางด้านคุณภาพของสัญญาณเครือข่ายขาดหายหรือเข้าไม่ถึงในพื้นที่ห่างไกลธุรกันดารหรือสภาพอากาศ ภาคบริหารในอนาคตควรมองว่าอินเตอร์เน็ตเป็นสาธารณูปโภคเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานกลุ่มที่ไม่มีรายได้เป็นเงินเดือนประจำ กลุ่มเปราะบาง คนนอกเขตเมืองและกลุ่มอาชีพอิสระรอการพึ่งพาความช่วยเหลือ แก้ไขมาตรการเยียวยาเงินตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้นเพื่อความเท่าเทียมยกระดับรากหญ้าให้เท่าชนชั้นกลางแล้วติดตามผล ประเมิน เอานโยบายมาปรับปรุงใหม่ ให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาอย่างทั่วถึงและเข้าถึงง่ายขึ้นเพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนที่ไม่ได้รับการศึกษาหรือมีวุฒิจบการศึกษาต่ำกว่าปริญญาได้รับผลกระทบในการหารายได้มาดำรงชีวิต ดังนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทุกคนควรร่วมมือกันสนับสนุนส่งเสริมหาวิธีหยิบยื่นโอกาสแบ่งปันดูแลไปให้ทั่วถึงพร้อม ๆ กันเพื่อก้าวสู่อนาคตที่เข้มแข็งของสังคมภาพประกอบบทความ Moona Kamonnet